กระแสธรรมแห่งกาลเวลา

…กระแสธรรมแห่งกาลเวลา…

…ย้ำเตือนตนเองทุกครั้งที่เขียนบทความบทกวีหรือบรรยายธรรมว่าสิ่งที่กำลังทำนั้นเป็นการทบทวนและสอนตัวเองทุกครั้งอย่าไปมุ่งหวังว่าคนอ่านหรือคนฟังนั้นจะต้องรู้หรือเข้าใจและนำไปปฏิบัติตามเพราะถ้าเราไปหวังและตั้งใจให้ผู้ฟังเข้าใจและปฏิบัติตามนั้น มันเป็นตัณหาคือความอยากมี อยากเป็น อยากเห็น อยากได้และเมื่อไม่เป็นไปตามที่ใจเราปรารถนามันก็จะพาให้ใจเป็นทุกข์ เพราะตัณหาไม่ได้รับการสนองตอบจึงกล่าวธรรมเพื่อธรรม บันทึกธรรมเพื่อธรรมเพื่อเตือนย้ำความรู้สึกและจิตสำนึกของตัวเราเอง…

…วิถีทางแห่งวิถีธรรมคำกวีในยามบ่าย…

…ในบางครั้ง ท้อแท้ และเบื่อหน่าย
ความวุ่นวาย ที่ได้ ไปพบเห็น
ความอยากมี อยากได้ และอยากเป็น
สิ่งที่เห็น ล้วนเป็น สิ่งมายา

…อยากจะหลบ ให้ไกล ไปให้พ้น
เบื่อผู้คน เบื่อกิเลส เบื่อปัญหา
และเบื่อความ วุ่นวาย ที่ตามมา
นิพพิทา เบื่อหน่าย ในรูปนาม

…แต่เมื่อมี สติ ระลึกรู้
และตามดู ตามเห็น ไม่มองข้าม
ดูอารมณ์ แล้วพินิจ เฝ้าติดตาม
เห็นรูปนาม เกิดดับ ธรรมดา

…เห็นถึงความ ไม่เที่ยง ของทุกสิ่ง
เห็นความจริง ว่ามันเป็น เช่นนั้นหนา
พระไตรลักษณ์ คือหลัก แห่งสัจจา
เกิดขึ้นมา ตั้งอยู่ แล้วดับไป

…อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
มันเป็นมา ทุกยุค ทุกสมัย
และก็ยัง สืบต่อ อยู่เรื่อยไป
ต้องฝึกใจ ให้ยอมรับ กับความจริง

…โจทย์คือทุกข์ ให้เรา ได้ศึกษา
ถึงที่มา และที่ไป ในทุกสิ่ง
ค้นหาเหตุ ที่เป็นไป ในความจริง
เห็นในสิ่ง ที่เป็นเหตุ ให้เกิดมา

…เห็นที่เกิด แล้วเข้าใจ ในทุกขัง
อนิจจัง ความไม่เที่ยง คือปัญหา
ไม่สามารถ บังคับได้ อนัตตา
รู้ที่มา เห็นที่ดับ สลับกัน

…เห็นซึ่งทุกข์ สมุทัย และนิโรธ
เห็นทุกข์โทษ เห็นภัย ในสิ่งนั้น
เห็นมรรคา ทางไป ให้แก่มัน
จิตก็พลัน สงบ พบความจริง…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๓ กรกฎาคม ๒๕๖๕…