ธรรมะนั้นมีอยู่ทุกที่และทุกเวลา

…ธรรมะนั้นมีอยู่ทุกที่และทุกเวลาเกิดขึ้นอยู่เสมอ ผู้มีปัญญาย่อมน้อมเข้ามาสู่ตนเอง คือน้อมเข้ามาพิจารณาในตัวเอง เมื่อพิจารณามากเข้าก็จะถึงซึ่งความเป็นปัจจัตตัง คือสิ่งที่รู้ได้เฉพาะตน ทำเองเห็นเองและรู้เองในสิ่งที่ทำ…

๐ ลาภยศ ชื่อเสียง สรรเสริญ
หลงเพลิน ทำให้ ยึดติด
เรียนรู้ เรื่องราว ถูกผิด
ได้คิด ว่าเป็น บทเรียน

๐ คืนสู่ ความเป็น สามัญ
สิ่งนั้น จะไม่ ผิดเพี้ยน
นำมา บอกเล่า ขีดเขียน
บทเรียน แห่งความ เป็นไป

๐ อดีต โดดเด่น โด่งดัง
ความหลัง แห่งยุค สมัย
เมื่อวัน เวลา ผ่านไป
จึงได้ รับรู้ ความจริง

๐ สิ่งที่ เคยคิด ว่าสุข
กลับทุกข์ ไปเสีย ทุกสิ่ง
มายา หาใช่ ความจริง
จิตนิ่ง รู้ได้ ด้วยธรรม

๐ ฝึกฝน เจริญ สติ
ทิฐิ ทำให้ ใฝ่ต่ำ
ละบาป ละชั่ว ที่ทำ
น้อมนำ จิตสู่ สัมมา

๐ เดินตาม แนวทาง แห่งมรรค
ตามหลัก ของศาสนา
ฝึกฝน จนเกิด ปัญญา
กลับมา อยู่กับ ตัวตน

๐ ดูกาย ดูจิต คิดใหม่
คิดไป หาเหตุ และผล
ลดละ อัตตา ตัวตน
เริ่มต้น ที่กาย และใจ

๐ สูงสุด คืนสู่ สามัญ
คำนั้น คุณค่า ยิ่งใหญ่
สิ่งที่ จะให้ เป็นไป
ทำได้ โดยลด อัตตา…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม…
…๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕…