ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๓๒

…ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๓๒…

…วันเวลาแห่งชีวิตของทุกคนนั้นสั้นลงทุกขณะ ทุกชีวิตนั้นกำลังเดินไปสู่ความตาย ช้าหรือเร็วนั้น ขึ้นอยู่กับเหตุและปัจจัยของแต่ละคนที่ได้กระทำมาซึ่งแตกต่างกัน แต่ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วนั้นทุกคนก็ไม่อาจจะหนีความตายไปได้เวลาที่เหลืออยู่ของชีวิตนั้นมันสั้นลงในทุกวินาทีที่ผ่านเลยไป จงใช้เวลาที่เหลืออยู่นั้นให้เป็นประโยชน์ต่อตนเองและสังคมให้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้อย่าได้ปล่อยเวลาให้ผ่านไปเปล่าโดยไร้สาระ ทบทวนใคร่ครวญในสิ่งที่ผ่านมาว่าเรานั้นได้สร้าง ได้ทำอะไรมาบ้างแล้ว เรามีความภาคภูมิใจในสิ่งที่เราได้สร้างได้ทำมาแล้วหรือไม่ชีวิตนี้มีความทรงจำที่ดีเก็บไว้แล้วหรือยัง…

…เก็บของเก่ามาเกลาใหม่…

๐ ยกบทกลอน ก่อนเก่า มาเล่าอ้าง
เป็นแบบอย่าง ให้คิด และศึกษา
คนโบราณ รุ่นเก่า ท่านเขียนมา
มีคุณค่า ควรคิด ให้เข้าใจ

…” วัดจะยืนยง คงอยู่ คู่กับบ้าน
ก็ด้วยการ พัฒนา หาหยุดไม่
วัดโรยร้าง เพราะห่าง ความร่วมใจ
เชิญชวนไป ช่วยวัด พัฒนา

๐ วัดจะร้าง โรยรา ถ้าถูกร้าง
จะอ้างว้าง ร้างโรย ให้โหยหา
เกิดทุกข์ภัย ไร้ศีล สิ้นเมตตา
ทั้งโลกา พากันทุกข์ ไม่สุขเลย

๐ วัดไม่ร้าง ช่วยกันสร้าง อย่าร้างวัด
ช่วยเร่งรัด พัฒนา อย่าอยู่เฉย
คอยสอดส่อง ดูแล อย่าละเลย
อย่าทำเฉย ช่วยวัด พัฒนา

๐ วัดจะดี มิใช่ดี ที่โบสถ์สวย
หรือร่ำรวย ด้วยทรัพย์ แสวงหา
วัดจะดี เพราะพระเณร มีศรัทธา
ภาวนา รักษาศีล เคร่งวินัย

๐ วัดจะดี มีหลักฐาน ชาวบ้านช่วย
บ้านจะสวย ก็เพราะวัด ดัดนิสัย
บ้านกับวัด ผลักกันช่วย จึงอวยชัย
หากขัดกัน ก็บรรลัย ทั้งสองทาง “….

๐ คือบทกลอน สอนใจ ให้ครวญคิด
ให้พินิจ เอามา เป็นแบบอย่าง
ช่วยให้วัด พัฒนา อย่าลาร้าง
ช่วยกันสร้าง ช่วยกันทำ นำสิ่งดี

๐ ความร่วมมือ ร่วมแรง และร่วมใจ
จะทำให้ สำเร็จ เสร็จทุกที่
ชุมชนใด มีความรัก สามัคคี
ก็จะมี ชื่อเสียง ขจรไกล

๐ ต้องช่วยกัน ประสาน บ้านและวัด
อย่าให้ขัด จงช่วย กันแก้ไข
โลกและธรรม บ้านกับวัด คู่กันไป
จงร่วมใจ ร่วมทำ ในกรรมดี…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๕…