ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๖

…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๖…

… “รู้ไปหมด แต่อดไม่ได้” นั้นเป็นเพราะความเคยชินที่สะสมมาต้องพยายามแก้ไขพฤติกรรมทางความคิดเสียใหม่ค่อยๆคิดค่อยๆทำ สั่งสมประสบการณ์ทางจิต ทางความคิด สร้างความเคยชินให้เป็นนิสัย เปิดมุมมองของจิตให้เปิดกว้างและต้องพยายามกระทำอยู่อย่างสม่ำเสมอจนกลายเป็นพฤติกรรมปกติของจิตในการคิดการทำและการพูด

…ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ยากเกินความพยายาม ถ้าเรามีความตั้งใจจริงเราต้องทำให้จริง ไม่ทอดทิ้งธุระต้องเอาชนะความเกียจคร้านความท้อแท้ท้อถอย และความยากลำบาก อุปสรรคและปัญหามีไว้ให้แก้ไข ไม่ใช่มีไว้เพื่อท้อถอยต้องตั้งใจจริง แล้วความสำเร็จจะไม่ไกลเกินความพยายาม “จงปลุกปลอบใจตัวเองอยู่เสมอว่าเสียอะไรก็ได้ แต่อย่าให้ใจเสีย”…

…แด่สภาวธรรมทั้งหลายที่สอนให้เข้าใจธรรม…

…มรรคาแห่งสมณะ…

๐ มองโลก และมองธรรม
แล้วน้อมนำ มาใคร่ครวญ
ฝึกฝน และทบทวน
อย่ารีบด่วน สรุปลง

๐ ที่รู้ และที่เห็น
อาจไม่เป็น เพราะเราหลง
สติ ไม่มั่นคง
ทำให้หลง อารมณ์ธรรม

๐ พินิจ และไตร่ตรอง
และจงมอง ให้ลึกล้ำ
มองธรรม จากที่ทำ
มาน้อมนำ คิดใคร่ครวญ

๐ ที่รู้ และที่เห็น
และที่เป็น นั้นมีส่วน
ให้รู้ สิ่งที่ควร
อย่ารีบด่วน ว่าเข้าใจ

๐ ธรรมะ นั้นมากมาย
มีอีกหลาย ข้อสงสัย
ธรรมะ มีทั่วไป
สัมผัสได้ ถ้าใคร่ครวญ

๐ ธรรมะ คือความจริง
สรรพสิ่ง ล้วนมีส่วน
ตามเหตุ ตามสมควร
ทุกสิ่งล้วน ธรรมดา

๐ มันเป็น เช่นนั้นเอง
จงรีบเร่ง ภาวนา
จิตนิ่ง เกิดปัญญา
เห็นปัญหา ที่แท้จริง

๐ ปัญหา เกิดจากจิต
จากความคิด ที่ไม่นิ่ง
ไม่รับ ความเป็นจริง
ของทุกสิ่ง ที่ควรเป็น

๐ ฝืนกฎ ธรรมชาติ
จึงได้พลาด อย่างที่เห็น
ชอกช้ำ และลำเค็ญ
อย่างที่เป็น เพราะหลงทาง

๐ หลงทาง ในความคิด
เพราะว่าจิต นั้นออกห่าง
ไม่ลด และละวาง
มีแต่สร้าง กิเลสตน

๐ กิเลส และตัณหา
ที่นำพา ใจสับสน
เวียนว่าย ในวังวน
ไม่หลุดพ้น จากเวรกรรม

๐ เอาธรรม นั้นนำทาง
ส่องสว่าง พบสุขล้ำ
รอยทาง และรอยธรรม
รอยที่นำ สู่ความจริง…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๕…