ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๘

…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๘…

…หลักธรรมทั้ง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์นั้นจัดเรียงกันอย่างเป็นระเบียบเป็นหมวดหมู่ไม่มีการขัดแย้งกัน สงเคราะห์อนุเคราะห์เกื้อกูลรองรับซึ่งกันและกัน เราไม่อาจจะไปปรับหลักทั้ง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ให้มาตรงกับความคิดเห็นของเรานั้นได้แต่เราสามารถที่จะย้ายจุดยืนของเรานั้นให้ไปตรงกับหลักที่วางไว้ตั้งไว้ได้

…เพียงเราปรับเปลี่ยนความคิดและมุมมองของเราเสียใหม่ เพื่อให้สอดคล้องรองรับกับหลักธรรม เพียงคุณเปลี่ยนความคิดชีวิตคุณก็จะเปลี่ยน

…น้อมจิตเข้ามาพิจารณาตัวของเราเองให้เห็นกาย เห็นจิต เห็นความคิด เห็นการกระทำ โดยการมีสติและสัมปชัญญะที่เป็นสัมมาทั้งหลายคุ้มครองกายจิตอยู่วางจิตให้เป็นกลาง ไม่เข้าข้างความคิดเห็นของตนเอง แล้วดวงตาเห็นธรรมก็จะเกิดขึ้นแก่ตัวคุณ…

๐ ใคร่ครวญ ทบทวนธรรม
เตือนความจำ ไว้ในจิต
แยกแยะ ความถูกผิด
ระลึกรู้ อยู่แก่ใจ

๐ สติ ระลึกรู้
เฝ้าตามดู อยู่ภายใน
รู้เห็น ความเป็นไป
การเกิดดับ ของอารมณ์

๐ ผัสสะ สิ่งกระทบ
ที่ค้นพบ ประสานสม
เผลอใจ ไปชื่นชม
จิตปรุงแต่ง และคล้อยตาม

๐ ก่อเกิด เป็นปัญหา
เพราะนำพา ให้เสื่อมทราม
เล่ห์กล แห่งบ่วงกาม
โลกธรรม นั้นนำพา

๐ เผลอใจ เพียงน้อยนิด
เพราะลืมพิจารณา
ขาดซึ่ง ตัวปัญญา
เพราะตามรู้ ดูไม่ทัน

๐ สติ ระลึกได้
จึงแก้ไข โดยฉับพลัน
มาดู ใจเรานั้น
ให้รู้ตัว และทั่วพร้อม

๐ เอาใจ ไว้กับธรรม
กุศลนำ ให้นึกน้อม
ข่มใจ ให้ยินยอม
การปรุงแต่ง ก็ดับลง

๐ เกิดดับ สลับกัน
ถ้าเรานั้น ไม่ไปหลง
สติ ที่มั่นคง
ทำให้รู้ อยู่กับธรรม…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๑ สิงหาคม ๒๕๖๕…