ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๕๗

…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๕๗…

…ถ้าไม่ยึดอะไรในสิ่งรู้ ก็จะอยู่อย่างสงบพบเยือกเย็น จากหนังสือ “ฟ้าสางทางสุภาษิต ที่ข้าพเจ้าชอบ”…

…หลวงพ่อพุทธทาส โมกขพลาราม ไชยา…

…แต่ละวันที่ผ่านไปนั้น มีเรื่องราวมากมาย ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ที่ทำให้เราคิดและต้องทำ มีผัสสะสิ่งกระทบมากมาย ให้เรานั้นได้รับรู้ เราจึงควรจะจดจำเพียงสิ่งที่มีประโยชน์และเป็นสาระ ส่วนสิ่งที่เป็นขยะทางความคิดลบมันไปไม่จดจำ ใช้สติใคร่ครวญทบทวนสิ่งผ่านเข้ามา ว่าสิ่งไหนเป็นสาระ สิ่งไหนไม่เป็นสาระ พิจารณาให้เห็นคุณ เห็นโทษ เห็นประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ของทุกเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามา พิจารณาเข้าสู่ความเป็นกุศลและอกุศล มีสติเตือนตนให้อยู่ในความไม่ประมาท ไม่ปรุงแต่งในอกุศลประคองจิตของตนให้อยู่ในธรรมน้อมนำจิต เข้าสู่ความสงบนิ่ง มองทุกสรรพสิ่งให้เป็นธรรมะ แล้วจะพบสัจธรรมของธรรมชาติในกายและจิตของเรา…

…ยึดติดและยึดถือ
ผลก็คือความวุ่นวาย
ดิ้นรนและขวนขวาย
ด้วยมุ่งหมายอยากได้มา

…มีแล้วไม่อยากเสีย
จึงละเหี่ยและโหยหา
ยามพรากหรือจากลา
ใจก็พาให้วกวน

..ยึดถือในสิ่งของ
จึงบกพร่องไร้เหตุผล
ยึดถือในตัวตน
ไม่ยอมคนเพราะถือตัว

…ถือว่าตัวเองเก่ง
จึงชอบเบ่งเก่งไปทั่ว
โมหะหลงเมามัว
จึงพาตัวไปวุ่นวาย

…รู้มากจะยากนาน
คนโบราณให้ความหมาย
รู้เพียงสิ่งนอกกาย
แต่ไม่ได้รู้ใจตน

…วุ่นวายเพราะไปรู้
จึงต้องอยู่อย่างสับสน
จิตใจให้วกวน
จึงต้องทนทรมาน

…ถ้าใจไม่ยึดติด
จะมีจิตที่เบิกบาน
ไม่ทุกข์สุขสำราญ
รู้จักการจะปล่อยวาง

…ปล่อยวางห่างจากทุกข์
จะพบสุขเพราะจิตว่าง
เดินไปในเส้นทาง
เดินตามอย่างเส้นทางธรรม…

…แด่คำคมของคำครู ทำให้ดู อยู่ให้เห็น สอนให้เป็น แล้วปล่อยวาง จึงว่างจากทุกข์…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม…
…๑๐ กันยายน ๒๕๖๕…