ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๖๓

…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๖๓…

…สร้างวัดสร้างวัตถุนั้นสร้างได้ง่ายแต่การสร้างคนที่จะมาดูแลรักษานั้นสร้างได้ยาก ในร้อยคนจะหาสักคนก็นับว่ายาก เพราะสิ่งที่ขาดหายไปนั้นคือการเป็นผู้รู้จักเสียสละและมีจิตสำนึกต่อส่วนรวม เป็นผู้มีความขยัน อดทน ซึ่งมันต้องมีพื้นฐานที่ได้รับการปลูกฝังมาตั้งแต่เป็นเด็กดั่งคำโบราณที่ท่านได้กล่าวไว้ว่า “ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก” มันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ…

…ในอ้อมกอดของขุนเขา
ใต้ร่มเงาหมู่มวลพฤกษา
ท่ามกลางสายลมที่พัดโชยมา
บนจุดหนึ่งของกาลเวลา
ได้ถามตัวเองอยู่เสมอว่า…
แสวงหาให้ได้มาซึ่งสิ่งใด
ทบทวนในสิ่งที่ได้ผ่านไป
ว่าความมุ่งหวังที่ตั้งใจไว้
นั้นก้าวไกลถึงไหนแล้ว….

…ไม่มีคำว่าสายสำหรับการเริ่มต้นมันอยู่ที่ทุกคนจะคิดและทำหรือไม่อย่าได้น้อยใจและโทษวาสนาบารมีต่อว่าตัวเรานั้นไม่ดีไม่มีอำนาจวาสนาเพราะว่าการทำอย่างนั้นเท่ากับการแช่งตัวเอง ขาดความศรัทธาเชื่อมั่นในการกระทำของตนเอง ซึ่งมันจะทำให้มีแต่ความเสื่อมถอย ไม่พบกับความเจริญรุ่งเรืองขึ้นได้เลย…

…จงมีความศรัทธาเชื่อมั่นในตนเอง ศรัทธาและเชื่อมั่นในความดีที่ได้กระทำมา ทบทวนมองหาความดีที่เราได้เคยกระทำ น้อมนำมาคิดและพิจารณาเพื่อให้ศรัทธานั้นเกิดเพราะว่าชีวิตของแต่ละคนที่ผ่านมาย่อมมีคุณค่าของชีวิต คือจิตที่ใฝ่หาซึ่งความดีของชีวิต

…จงคิดใคร่ครวญทบทวนว่าชีวิตของเราที่ผ่านมา เรามีคุณค่าสำหรับชีวิตของเราแล้วหรือยัง..?

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๑๖ กันยายน ๒๕๖๕…