ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๙๑

…ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๙๑…

…ถ้าใครดี เราก็เห็น ว่าเป็นมิตร
ใครคดคิด ทรลักษณ์ จึงหักหาญ
ถ้าเขาคด เราก็คม ให้สมพาล
ถ้าเข้าด้าน เราก็ดื้อ ให้คือกัน…
“…บทกวีของหลวงวิจิตรวาทการ…”

…ท่องจำขึ้นใจมาตั้งแต่สมัยเป็นเด็กและนำมาปฏิบัติมาตลอดเมื่อครั้งเป็นฆราวาส เพิ่งมาลด ละ เลิก ก็ตอนเป็นสมณะ แต่มันก็ยังมีความเคยชินเก่าๆเหลือติดอยู่บ้าง…

…บางครั้งในสิ่งไม่อยากจะทำก็ต้องทำและในสิ่งที่อยากจะทำก็ไม่ได้ทำซึ่งทุกอย่างนั้นมันขึ้นอยู่กับ จังหวะเวลา โอกาส สถานที่และตัวบุคคลเป็นเหตุและปัจจัยให้เกิดสิ่งนั้นพิจารณาเป็นธรรมะ มันก็อยู่ในฐานเวทนาหนึ่งในสติปัฏฐาน ๔ คือความยินดีและไม่ยินดี

…ถ้าเราได้กระทำในสิ่งที่เรายินดีในสิ่งที่ชอบ ในสิ่งที่ใช่ ใจของเราก็จะมีความยินดีพอใจในสิ่งที่กระทำนั้น แต่ในทางกลับกันถ้าเราฝืนทำในสิ่งที่เราไม่ชอบไม่พอใจ ใจของเรานั้นก็จะเกิดความไม่ยินดี คืออิฏฐารมณ์และอนิฏฐารมณ์ ความยินดีและไม่น่ายินดี

…สิ่งนี้เกิดขึ้นเพราะว่าเราไปยึดติดกับความคิดและจริตของตัวเราจนเกินไป ปฏิเสธในสิ่งที่ใจนั้นไม่ชอบซึ่งสิ่งนั้นอาจจะประกอบด้วยกุศลและมีผลที่ดี ทำให้เสียโอกาสอันดีไปเพราะใจเราปฏิเสธ มันเป็นกิเลสที่ประกอบไปด้วยอัตตาและทิฏฐิมานะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรลด ควรละและควรเลิก

…แต่ถ้าเราได้หมั่นฝึกฝนจิตของเราให้อยู่เหนือเหตุและผล ปฏิบัติตนไปตามบทบาทและหน้าที่ ทำทุกอย่างให้มันดี ให้มันเต็มที่เสมอกัน มันก็จะไม่มีสิ่งนั้น คือสิ่งที่ชอบและสิ่งไม่ชอบเพราะทุกอย่างประกอบไปด้วยกุศลถ้าเราค้นหาและพิจารณาโดยโยนิโสมนัสสิการ…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๕…