ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๗๘

…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๗๘…

…”ภิกษุจงเป็นผู้ไม่ประมาท มีสติ มีศีลอันดี จงมีความดำริตั้งมั่นตามรักษาจิตของตนเถิด”
” อปฺปมตฺตา สตีมนฺโต สุสีลา โหถ ภิกฺขโว
สุสมาหิตสงฺกปฺปา สจิตฺตมนุรกฺขถ “
…พุทธสุภาษิต มหาปรินิพพานสูตร ๑๐/๑๒๐…

…ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นมีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่แล้วดับไป เมื่อใจไม่ไปยึดติดยึดถือความห่วงหาอาลัยก็ไม่มี อยู่กับสภาวะแห่งความเป็นปัจจุบันธรรม ตามวิถีที่เป็นไปในแต่ละวัน ทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ ตามบทบาทและหน้าที่ที่เป็นอยู่ จิตตามดู ตามรู้ ตามเห็นในความเป็นไปที่แท้จริงของกายและจิต มีสติและสัมปชัญญะคุ้มครองกายและจิตอยู่ทุกขณะ คิดให้เป็นกุศลวันเวลาก็จะผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็วเพราะว่าใจเราไม่ไปยึดถือ จิตโปร่งกายเบา ไม่ซึมเซา เพราะมีอารมณ์ปีติทรงอยู่ เรียนรู้และพิจารณาทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา

…สังคมที่กำลังสับสนวุ่นวาย ความรักความเอื้ออาทร จริยธรรม คุณธรรมอันดีงาม การพึ่งพาช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ค่านิยมแบบ “พออยู่พอกิน” ของคนในสังคม โดยเฉพาะในสังคมคนเมืองนั้นถูกทำลายไปอย่างย่อยยับโดย “ลัทธิเสพสุข” และ “ลัทธิบริโภคนิยม” จากความต้องการความสะดวกสบายลุกลามไปสู่ความฟุ้งเฟ้อทะเยอทะยานและความอยากที่มากขึ้นอย่างไม่รู้จบสิ้นจนกระทั่งได้กลายไปเป็นความเชื่อและค่านิยมที่ฝังแน่นในสังคมไทยวิถีชีวิตดั้งเดิมของคนไทยนั้นได้หายไปเพราะกระแสใหม่ๆที่เกิดจากกิเลสและตัณหาแห่งยุคโลกาภิวัฒน์นั้นได้คุกคามเข้ามา ได้ทำลายวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของสังคมไทยให้เสื่อมสลายไป ดั่งคำที่หลวงพ่อพุทธทาสท่านได้เคยกล่าวว่า ” เมื่อศีลธรรมไม่กลับมา โลกาจะวินาศ ” เพราะว่าสังคมกำลังขาดซึ่งคุณธรรม…

…สายลมพัดผ่านจากขุนเขา…

๐ สายลม พัดโชย ชายเขา
จากเช้า ผ่านสาย บ่ายคล้อย
หมู่เมฆ บนฟ้า ล่องลอย
เรียงร้อย เป็นทิว แถวยาว

๐ นั่งมอง หมู่เมฆ บนฟ้า
นกกา โผบิน เหินหาว
ระลึก ตรึกตรอง เรื่องราว
เมฆขาว เจ้าอยู่ หนใด

๐ ลมพัด ผ่านใบ ไทรอ่อน
มองย้อน ทบทวน ดูใหม่
ต่างคน ต่างจิต ต่างใจ
จึงไป กันคน ละทาง

๐ พิราบ สีขาว บินหาย
เหยี่ยวร้าย แผ่ปีก ออกกว้าง
ความหวัง ตั้งไว้ เลือนราง
ทุกอย่าง นั้นเปลี่ยน แปลงไป

๐ สู่ยุค ของทุน นิยม
สังคม ต้องการ สิ่งใหม่
วัตถุ มีค่า กว่าใจ
โลกไร้ ไม่มี คุณธรรม

๐ กอบโกย แก่งแย่ง แข่งขัน
พวกมัน พวกกู น่าขำ
จิตใจ มีแต่ มืดดำ
ตกต่ำ ไร้ความ ละอาย

๐ ยึดถือ แต่ผล ประโยชน์
ลืมโทษ ทุกข์ภัย ลืมหาย
เพียงเพื่อ พวกกู สบาย
ใครตาย ใครเป็น ช่างมัน

๐ ศีลธรรม เสื่อมจาก ใจคน
เหตุผล จึงเป็น เช่นนั้น
โลกนี้ เสื่อมทราม ทุกวัน
คนนั้น ไม่มี ศีลธรรม

๐ สายลม พัดผ่าน ชายเขา
พัดเอา ซึ่งความ เจ็บช้ำ
สายลม พัดพา เคราะห์กรรม
จดจำ ซึ่งความ เปลี่ยนแปลง

๐ สายลม นั้นอาจ เปลี่ยนทิศ
เหมือนจิต ใจคน ทุกแห่ง
นำไป สู่ความ รุนแรง
แก่งแย่ง เพื่อประ –โยชน์ตน

๐ พิราบ กลายเป็น อินทรีย์
เรื่องนี้ เกิดขึ้น หลายหน
อำนาจ เปลี่ยนแปลง ใจคน
วังวน แห่งโลก (กะ)ธรรม …

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๑ ตุลาคม ๒๕๖๕…