ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๘๐

…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๘๐…

…สัปปายะ ๕ อันได้แก่ อาหารที่ถูกจริต อากาศที่สบาย ที่อยู่อาศัยที่สะดวกสบายมีมิตรสหายครูบาอาจารย์ที่ดีคอยส่งเสริมช่วยเหลือ ได้ปฏิบัติที่ถูกกับจริต จิตของเราย่อมส่งผลให้การเจริญภาวนานั้นมีความเจริญก้าวหน้า…

…ลูกศิษย์ทั้งหลาย ถ้าฝ่าฝืนครูบาอาจารย์ไม่ทำตามที่ครูบาอาจารย์ท่านสั่งสอนเป็นคนหัวดื้อ หัวรั้น บุคคลเช่นนั้นนับวันก็จะมีแต่ความเสื่อม แต่ถ้าบุคคลใดเป็นผู้ว่าง่ายสอนง่าย ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ บุคคลนั้นย่อมจะพบแต่ความเจริญก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้นไป…

…เวลาพูด ให้พูดด้วยความมีสติ มันจึงจะเป็นสาระ เป็นประโยชน์ แต่ถ้าพูดด้วยความขาดสติมันก็จะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์และจะสร้างโทษให้แก่ตัวผู้พูดเอง…

…รำพึงธรรมยามเช้า ผ่านสายหมอก…

…ตามดู ตามรู้ ในจิต
พินิจ ใคร่ครวญ ศึกษา
หาเหตุ ของความ เป็นมา
มองหา ให้เห็น ความจริง

…จิตนั้น มีการ เกิดดับ
สลับ ไปมา ไม่นิ่ง
จิตนั้น ก็คล้าย กับลิง
กลอกกลิ้ง หวั่นไหว ไปมา

…จึงต้อง หมั่นฝึก สติ
ดำริ เข้าไป ค้นหา
เหตุผล ที่ไป ที่มา
ปัญหา นั้นคือ อะไร

…รู้เหตุ ปัจจัย ที่เกิด
ล้ำเลิศ กว่ารู้ สิ่งไหน
รู้กาย รู้จิต รู้ใจ
รู้ใน รู้นอก ครบครัน

…มองหา ซึ่งเหตุ และผล
ตัวตน ภายใน เรานั้น
ตามดู กิเลส ให้ทัน
สิ่งนั้น คือกิจ ควรทำ

…กิเลส นั้นมี มากมาย
สองฝ่าย คือสูง และต่ำ
ปรุงแต่ง ตามบุญ และกรรม
ชี้นำ ไปใน เส้นทาง

…รู้เท่า รู้ทัน ความคิด
ทำจิต ทำใจ ให้ว่าง
เดินใน เส้นทาง สายกลาง
ทุกอย่าง มีธรรม นำพา

…ดำเนิน ตามแนว แห่งมรรค
ตามหลัก มรรคแปด ศึกษา
ความชอบ ธรรมที่ มีมา
รักษา กายใจ ในธรรม

…ธรรมะ นั้นคือ ที่พึ่ง
ลึกซึ้ง ประเสริฐ เลิศล้ำ
ธรรมะ นำทาง สร้างธรรม
สุขล้ำ มีธรรม คุ้มครอง

…รักษา นำพา กายจิต
ชีวิต จะไม่ เศร้าหมอง
เดินไป ตามมรรค ครรลอง
คุ้มครอง ชีวิต ด้วยธรรม…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๓ ตุลาคม ๒๕๖๕…