ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๘๕

…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๘๕…

…อดีตที่ผ่านมานั้น ถ้าเรารู้จักการเรียนรู้วิเคราะห์และศึกษา นำอดีตเหล่านั้นมาเป็นบทเรียน สรุปความเป็นไปในชีวิตที่ผ่านมา เก็บเอาข้อดีของชีวิต มาคิดสานต่อและลดละข้อเสียทั้งหลายไปแก้ไขชีวิตของตนใหม่ กำหนดทิศทางไปของชีวิตไปตามที่จิตนั้นปรารถนามีความเชื่อมั่นและศรัทธาในบุญกุศลที่ตนได้กระทำมา เสริมสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ชีวิต ด้วยการคิดต่อโลกในเชิงบวก คือการมองโลกที่พบเห็นในแง่ดี ชีวิตนี้ก็จะดำเนินไปในทิศทางที่ดี มีความสุขกาย สบายใจ ชีวิตที่ดำเนินต่อไปนั้น เมื่อไม่มีความกดดันทุกอย่างนั้นย่อมพบกับความโปร่งโล่งเบาและสบาย มุมมองทั้งหลายก็จะเปิดกว้างยิ่งขึ้น

…ความเข้าใจในโลกและในธรรมทั้งหลาย เกิดขึ้นได้ด้วยการเรียนรู้วิเคราะห์ ค้นหา ให้เห็นที่มาและที่ไปในสิ่งที่ได้พบเห็น รู้จักแยกแยะดีชั่วด้วยองค์แห่งคุณธรรมในจิต คือจิตที่มีความละอายและเกรงกลัวต่อบาป มาเป็นพื้นฐานในการที่จะคิดและจิตที่ปรุงแต่งชีวิตในภายหน้านั้นเราจึงสามารถที่จะกำหนดทิศทางไปของมันนั้นได้โดยการสร้างเหตุและปัจจัย เงื่อนไขขึ้นมาในวันนี้ เพื่อที่จะกำหนดทิศทางของชีวิตในอนาคตนั้นขึ้นมาได้…

…วันเวลา ผ่านไป ไม่หยุดนิ่ง
สรรพสิ่ง เกิดดับ แล้วลับหาย
ผ่านเรื่องราว หลายหลาก มามากมาย
บทสุดท้าย งานเลี้ยง ย่อมเลิกรา

…ชีวิตเรา มีทั้งเศร้า และทั้งสุข
บางครั้งทุกข์ เพราะใจ นั้นใฝ่หา
หลงเพลินไป ในกิเลส และมายา
เพราะตัณหา ความอยาก ที่มากมาย

…เมื่อพบทุกข์ ควรหันมา เข้าหาธรรม
เพื่อจะนำ จิตสู้ สู่ความหมาย
เพื่อวางจิต วางใจ ให้ผ่อนคลาย
จิตสบาย กายสุข ก็เห็นทาง

…เมื่อจิตโปร่ง โล่งเบา เอาจิตรู้
เฝ้าตามดู จิตนั้น อยู่มิห่าง
เมื่อเห็นกาย เห็นจิต ก็เห็นทาง
เมื่อจิตว่าง ก็เห็นธรรม กำหนดไป

…รู้อะไร ไม่สู้ รู้กายจิต
รู้ความคิด ของตน ตั้งต้นใหม่
มาดูกาย มาดูจิต มาดูใจ
ทำอะไร คิดอะไร ให้รู้ทัน

…มีสติ ระลึกรู้ อยู่ทั่วพร้อม
แล้วก็น้อม นำจิต คิดสร้างสรรค์
อยู่กับธรรม จิตให้รู้ ปัจจุบัน
เมื่อรู้ทัน ก็ไม่หลง มั่นคงไป

…จงศรัทธา ในความดี ที่มีอยู่
และเรียนรู้ พัฒนา หาสิ่งใหม่
เพื่อให้ธรรม ก้าวหน้า ยิ่งขึ้นไป
แล้วจะได้ พบสุข ไม่ทุกข์ทน

…สุขในธรรม ล้ำค่า หาใดเปรียบ
ไม่อาจเทียบ กับสุข ในทุกหน
เป็นความสุข ที่รู้ได้ เฉพาะตน
ต้องฝึกฝน ภาวนา หาให้เจอ…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๘ ตุลาคม ๒๕๖๕…