บอกกล่าว เล่าเรื่อง บทที่ ๓

…บอกกล่าว เล่าเรื่อง บทที่ ๓…

…ย้ำเตือนตนอยู่เสมอว่า จงเป็นเหมือนสายลมที่พัดผ่านกาลเวลา ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไปเมื่อใจไม่ไปยึดติดยึดถือ ความห่วงหาอาลัยก็ไม่มี อยู่กับสภาวะแห่งปัจจุบันธรรมตามวิถีที่เป็นไปในแต่ละวัน ทำหน้าที่ของเรานั้นให้สมบูรณ์ตามบทบาทและหน้าที่ที่เป็นอยู่จิตตามดู ตามรู้ ตามเห็นในความเป็นไปของกายและจิตมีสติและสัมปชัญญะคุ้มครองกายและจิตคิดให้เป็นกุศลวันเวลาก็จะผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็วเพราะใจเราไม่ไปยึดถือจิตโปร่งกายเบา ไม่ซึมเซา เพราะมีอารมณ์ธรรมแห่งปีติทรงอยู่ เรียนรู้และพิจารณาทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา…

…คิดก่อนทำ ทำแล้วคิด พิจารณา…

…มีมากมาย หลายหลาก มากที่คิด
เกิดจากจิต ภายใน นั้นใฝ่หา
เพราะมีความ เชื่อมั่น และศรัทธา
จึงนำมา ให้คิด จิตผูกพันธ์

…คิดจากเหตุ ปัจจัย ที่มีอยู่
โดยให้รู้ และเห็น ในปัญหา
ตามกำลัง หน้าที่ และเวลา
ให้รู้ว่า สิ่งควรคิด กิจควรทำ

…คิดในสิ่ง ที่เรา นั้นทำได้
อย่าได้ไป ฝันใฝ่ ให้เลิศล้ำ
เพราะคิดดี เกินไป อาจไม่ทำ
ไม่อาจนำ ทำความคิด ให้เป็นจริง

…เพราะว่าขาด เหตุปัจจัย มาประกอบ
จึงไม่ชอบ ประกอบใน สรรพสิ่ง
เพราะคิดดี จนเกินไป ในความจริง
ทำให้สิ่ง ที่คิด ผิดเวลา

…เมื่อคิดแล้ว ต้องทำ ตามความคิด
โดยพินิจ เหตุผล เข้าค้นหา
วิธีการ ทำอย่างไร จะได้มา
จงค้นหา ถึงรูปแบบ วิธีการ

…การทำงาน ทุกอย่าง ต้องวางแผน
มีแบบแปลน กลืนกลม ประสมสาน
เพื่อให้เกิด ความสำเร็จ ขึ้นในงาน
ต้องผ่านการ วางแผน อย่างแม่นยำ

…มีสติ มองงาน ให้รอบครอบ
และวางกรอบ ติดตาม อย่างสม่ำ
มีสติ อยู่กับงาน การกระทำ
คิดแล้วนำ ทำให้เห็น เป็นความจริง

…ไม่ต้องคิด ให้ดี ให้สวยหรู
ให้คิดอยู่ กับเหตุ สรรพสิ่ง
คิดแล้วทำ ทำให้เห็น เป็นความจริง
อย่าคิดทิ้ง แล้วไม่ทำ จะช้ำใจ…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๕…