เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๐

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๐…

…เหตุการณ์ในอนาคตนั้น เรามิอาจจะกำหนดได้ตามที่ใจเราปรารถนาไปทุกอย่างต้องปล่อยให้มันเป็นไปตามเหตุและปัจจัย อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดเตรียมใจไว้สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะมีผลในทางบวกหรือทางลบเรายอมรับกับมันได้

…หลวงพ่อจำเนียร สีลเสฏโฐครูบาอาจารย์ท่านสอนไว้ว่า

“เสียอะไรเสียได้แต่อย่าให้ใจเสีย”
ถ้าใจเสียเมื่อไหร่ก็จบกัน อยากที่
จะแก้ไขเพราะใจมันไม่สู้แล้ว
แต่ถ้าเราตั้งใจมั่นไม่หวั่นไหว
เมื่อภัยมามีสติและสัมปชัญญะ
เราย่อมมีโอกาสที่จะหาหนทาง
แก้ไขได้

…เรียกว่า “สูญเสียแต่ไม่เสียศูนย์”
เราจึงต้องฝึกจิตให้นิ่ง ให้สงบ
มีสติและสัมปชัญญะคุ้มครองกาย
และจิต โดยการเจริญสติ เจริญ
ภาวนาให้เห็นถึงพระไตรลักษณ์
คือความไม่เที่ยงแท้ ความทุกข์
ความเข้าไปยึดถือไม่ได้ของ
ธรรมชาติทั้งหลาย ที่เราเข้าไป
ควบคุมมันไม่ได้ตลอดเวลา
ทำให้เกิดธรรมสังเวชในกองทุกข์

…เมื่อจิตเรารู้ เราเห็น เราเข้าใจ
เราทำได้ ใจเราก็ไม่ไปยึดติด
ในสิ่งเหล่านั้น เมื่อจิตไม่เข้าไป
ยึดติด ยึดถือ มันก็ไม่เป็นทุกข์
เมื่อไม่มีความทุกข์ จิตย่อม
หลุดพ้น ไม่กลับมาอีก เพราะว่า
ออกจากกองทุกข์เสียแล้ว คือถึง
พระนิพพาน….

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๑๑ มีนาคม ๒๕๖๕…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *