ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๑๐๐

…ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๑๐๐…

…พระพุทธพจน์…

…หยาดน้ำค้างบนยอดหญ้าเมื่ออาทิตย์ขึ้นมาย่อมแห้งหายไปโดยเร็ว ไม่ตั้งอยู่นาน ฉันใดชีวิตของมนุษย์ทั้งหลาย ก็เปรียบเหมือนหยาดน้ำค้างฉันนั้นชีวิตของมนุษย์ทั้งหลายน้อยนิดหน่อย รวดเร็ว มีทุกข์มากมีความคับแค้นมาก พึงถูกต้องได้ด้วยปัญญา ควรกระทำกุศลควรประพฤติพรหมจรรย์เพราะสัตว์ที่เกิดมาแล้ว จะไม่ตายไม่มี…
…( อัง.สัตตก.๗๑ )…

…”ปริสัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักชุมชน”…

…ฤดูกาลเข้าพรรษาหมดวาระผ่านพ้นไปมีภารกิจมากมายที่จะต้องคิดและต้องทำในหลายสถานที่ ซึ่งมีอัตลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป จึงต้องทำความเข้าใจในชุมชนนั้นๆ เพื่อให้ภารกิจนั้นลุล่วงไปตามที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้…

อ่านเพิ่มเติม “ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๑๐๐”

จากการเดินทางบนสายธรรม บทที่ ๓๕

…จากการเดินทางบนสายธรรม บทที่ ๓๕…

…หลากหลายกิจที่ทำก็เพื่อสงเคราะห์โลกและธรรม สิ่งเหล่านั้นไม่ผิดต่อธรรมวินัย เป็นไปโดยชอบ ประกอบด้วยกุศล สร้างคน สร้างงาน สร้างจิตสำนึก ประสานโลกและธรรมให้ก้าวเดินไปด้วยกัน

อ่านเพิ่มเติม “จากการเดินทางบนสายธรรม บทที่ ๓๕”

ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๙๙

…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๙๙…

…”กมฺมุนา วตฺตตีโลโก”…สัตว์โลกทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกรรมที่สุดของพรหมวิหาร ๔ ก็คือการวางอุเบกขาเพราะเราเมตตาสงสาร จึงเข้าไปสงเคราะห์ช่วยเหลือ ถ้าเขาดีขึ้นเราก็ยินดีด้วยกับเขาแต่ถ้าสงเคราะห์แล้ว ยังเหมือนเดิมหรือแย่ลงกว่าเดิมก็ต้องทำใจปล่อยวาง เพราะว่าเราทำหน้าที่ของเรานั้นสมบูรณ์แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันเป็นวิบากกรรมของเขาเองที่จะต้องได้รับ

อ่านเพิ่มเติม “ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๙๙”

ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๙๙

…ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๙๙…

… วันเวลาแห่งชีวิตลิขิตไปตามกฎแห่งกรรมสิ่งที่เราเคยได้กระทำมาในอดีตและปัจจุบันส่งผลมาสู่วันนี้ทั้งกรรมดีที่เป็นกุศลส่งผลให้พบสิ่งดีและกรรมที่เป็นอกุศลที่ส่งผลมาเป็นอุปสรรคปัญหา สิ่งที่ผ่านมาแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วเพราะมันเป็นอดีตจงยืดอกยิ้มสู้ยอมรับในกฎแห่งกรรม…

อ่านเพิ่มเติม “ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๙๙”

จากการเดินทางบนสายธรรม บทที่ ๓๔

…จากการเดินทางบนสายธรรม บทที่ ๓๔…

…หลายหลากเรื่องราวที่ต้องพบเจอล้วนแล้วแต่กรรมนั้นนำพา ทั้งที่เป็นกุศลกรรม ซึ่งส่งผลในทางที่ดีหรืออกุศลกรรมที่ส่งผลในทางที่แย่แต่เมื่อยอมรับกับมันได้โดยไม่หวั่นไหวมันก็ไม่มีผลอะไรกับเรา…

อ่านเพิ่มเติม “จากการเดินทางบนสายธรรม บทที่ ๓๔”

ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๙๘

…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๙๘…

…ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวไว้อย่าเอาชีวิตไปยึดติดกับผู้ใดขอให้ศรัทธาในธรรมะที่เขากล่าวให้มากกว่าตัวของผู้กล่าวธรรมแล้วท่านจะไม่เสียใจเมื่อผู้กล่าวธรรมนั้นแปรเปลี่ยนไป

…จงให้ความสำคัญในธรรมของพระพุทธองค์ที่มีผู้นำมากล่าวมากกว่าตัวของผู้กล่าวธรรมจงเอาที่ธรรมะ อย่าไปเอาที่ตัวบุคคล แล้วจะทำให้ท่านไม่เสียใจหรือเสียความรู้สึกเมื่อผู้ที่กล่าวธรรมนั้นมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป …

อ่านเพิ่มเติม “ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๙๘”

ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๙๘

…ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๙๘…

…เตือนย้ำบอกกล่าวกับลูกศิษย์อยู่เสมอว่า ให้เลือกเส้นทางของชีวิตในสายธรรม จะไปสายปฏิบัติหรือจะไปสายปริยัติ ซึ่งถ้าตั้งใจและศรัทธาจริง ตั้งใจที่จะบวชนาน ๆ ไม่มีความคิดที่จะลาสิกขาก็ควรที่จะเลือกไปในสายปฏิบัติเพื่อให้มีธรรมเป็นเครื่องอยู่

…การเรียนรู้ในทางโลกนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นไปเพื่อความอยากมี อยากได้และความอยากเป็นส่งจิตออกจากตัวเองอยู่ตลอดเวลา แสวงหาสิ่งนอกกาย เป็นไปเพื่อความเพิ่มพูนซึ่งกิเลสตัณหาอัตตาอุปาทานเรียนไปๆกิเลสก็ยิ่งหนามิได้เบาบางลง…

อ่านเพิ่มเติม “ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๙๘”

จากการเดินทางบนสายธรรม บทที่ ๓๓

…จากการเดินทางบนสายธรรม บทที่ ๓๓…

…สิ่งที่รู้ ที่เห็นและเป็นไป ที่เกิดจากการปฏิบัติธรรมเจริญสติภาวนานั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทุกขณะ ด้วยหลายเหตุและปัจจัย แปรเปลี่ยนไปตามกำลังของสติสัมปชัญญะและกำลังของสมาธิสิ่งที่เรียกว่า “นิมิต”เกิดขึ้นจากกำลังของสมาธิ ในช่วงที่สตินั้นอ่อนกำลัง

อ่านเพิ่มเติม “จากการเดินทางบนสายธรรม บทที่ ๓๓”

ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๙๗


…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๙๗…

…ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวไว้อย่าเอาชีวิตไปยึดติดกับผู้ใดขอให้ศรัทธาในธรรมะที่เขากล่าวให้มากกว่าตัวของผู้กล่าวธรรมแล้วท่านจะไม่เสียใจเมื่อผู้กล่าวธรรมนั้นแปรเปลี่ยนไป

…จงให้ความสำคัญในธรรมของพระพุทธองค์ที่มีผู้นำมากล่าวมากกว่าตัวของผู้กล่าวธรรมจงเอาที่ธรรมะ อย่าไปเอาที่ตัวบุคคล แล้วจะทำให้ท่านไม่เสียใจหรือเสียความรู้สึกเมื่อผู้ที่กล่าวธรรมนั้นมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป …

อ่านเพิ่มเติม “ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๙๗”

ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๙๗

…ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๙๗…

…บางครั้งเราต้องละทิ้งรูปแบบตามพยัญชนะ มาเน้นสาระในเรื่องความหมายความเข้าใจให้มากที่สุด เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจในธรรมะทั้งหลายเพื่อให้ฟังแบบสบายๆ ไม่เกร็งไม่เคร่งและไม่เครียด ในการสนทนาธรรม จึงเป็นที่มาของคำว่า “ไร้รูปแบบ แต่ไม่ไร้สาระ” คือการถ่ายทอดธรรมะเพื่อให้ง่ายแก่การเข้าใจโดยไม่ยึดติดในรูปแบบ ซึ่งทุกอย่างต้องใช้การคิดและพิจารณา ไตร่ตรอง ใคร่ครวญทบทวน อยู่ตลอดเวลา ปรับเข้าหาหลักธรรมะเพื่อความเหมาะสมมองทุกสิ่งทุกอย่างรอบกายให้เป็นธรรมะ ใช้หลักแห่งความเป็นจริงตามหลักของธรรมชาติโดยการลดละซึ่งอัตตาและคติไม่เอาความรู้สึกส่วนตัวเข้ามาใช้ในการคิดและวิเคราะห์แล้วเราจะเข้าถึงสภาวะแห่งธรรมะที่แท้จริง…

อ่านเพิ่มเติม “ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๙๗”