กระแสธรรมที่พัดผ่านกาลเวลา

…กระแสธรรมที่พัดผ่านกาลเวลา…

…ที่ผ่านมาเราไปยึดถือสิ่งที่ไร้สาระเอามาเป็นสาระ ทำให้เสียเวลาในการปฏิบัติธรรม การพัฒนาทางจิตเลยไม่ก้าวหน้า เพราะมัวแต่เสียเวลาอยู่กับสิ่งไร้สาระ ตามกระแสของโลกซึ่งเมือได้ทบทวนพิจารณาดูแล้วจึงได้รู้ว่าเราประมาทในชีวิต

…การปฏิบัติธรรมนั้นเป็นไปเพื่อออกจากกระแสโลก คือให้หลุดออกจากโลกธรรม ๘ ซึ่งเป็นกระแสโลกอันได้แก่สุข-ทุกข์ลาภ-เสื่อมลาภ…ยศ-เสื่อมยศ

อ่านเพิ่มเติม “กระแสธรรมที่พัดผ่านกาลเวลา”

กระแสธรรมแห่งกาลเวลา

…กระแสธรรมแห่งกาลเวลา…

… แกล้งโง่บางโอกาส อย่าทำตัวฉลาดตลอดไป โง่ไม่เป็น เป็นใหญ่ยากแกล้งโง่และแกล้งบ้าเพื่อศึกษาพฤติกรรมและความคิดของคนรอบข้าง แล้วเราจะรู้ว่าเขาคิดอย่างไรกับเราหรือว่าเขามีความคิดอย่างไรในเรื่องเหล่านั้น ที่กำลังกระทำอยู่ ให้เขามีส่วนในการเสนอความคิด อย่าไปปิดกั้นความคิดของเขา โดยเอาความคิดของเรามาเป็นตัวตัดสิน เพื่อให้เขามีความรู้สึกภาคภูมิใจในสิ่งที่กำลังเป็นไปเพราะว่าเขานั้นได้มีส่วนร่วมในงานนั้น…

อ่านเพิ่มเติม “กระแสธรรมแห่งกาลเวลา”

จิตระลึกถึงธรรมตามกาลเวลา

…จิตระลึกถึงธรรมตามกาลเวลา…

…แต่ละวันที่ผ่านไป มีเรื่องราวมากมายผ่านเข้ามาในชีวิต ให้เราคิดและเราทำจดจำเพียงสิ่งที่เป็นสาระ สิ่งที่เป็นขยะทางความคิดลบมันไปไม่จดจำ ใช้สติใคร่ครวญ ทบทวนในสิ่งผ่านเข้ามาว่าสิ่งไหนเป็นสาระ สิ่งไหนไม่เป็นสาระพิจารณาให้เห็นคุณเห็นโทษ เห็นประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ของเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาพิจารณาเข้าสู่ความเป็นกุศลและอกุศลมีสติเตือนตนให้อยู่ในความไม่ประมาทไม่ปรุงแต่งในอกุศล ประคองจิตของตนให้อยู่ในธรรม น้อมนำจิตเข้าสู่ความสงบนิ่งแล้วมองทุกสิ่งให้เป็นธรรมะ…

อ่านเพิ่มเติม “จิตระลึกถึงธรรมตามกาลเวลา”

บ้านและวัด โลกและธรรม

…บ้านและวัด โลกและธรรม…

๐ ยกบทกลอน ก่อนเก่า มาเล่าอ้าง
เป็นแบบอย่าง ให้คิด และศึกษา
คนโบราณ รุ่นเก่า ท่านเขียนมา
มีคุณค่า ควรคิด ให้เข้าใจ

๐ วัดจะยืนยง คงอยู่ คู่กับบ้าน
ก็ด้วยการ พัฒนา หาหยุดไม่
วัดโรยร้าง เพราะห่าง ความร่วมใจ
เชิญชวนไป ช่วยวัด พัฒนา

๐ วัดจะร้าง โรยรา ถ้าถูกร้าง
จะอ้างว้าง ร้างโรย ให้โหยหา
เกิดทุกข์ภัย ไร้ศีล สิ้นเมตตา
ทั้งโลกา พากันทุกข์ ไม่สุขเลย

๐ วัดไม่ร้าง ช่วยกันสร้าง อย่าร้างวัด
ช่วยเร่งรัด พัฒนา อย่าอยู่เฉย
คอยสอดส่อง ดูแล อย่าละเลย
อย่าเมินเฉย ช่วยวัด พัฒนา

๐ วัดจะดี มิใช่ดี ที่โบสถ์สวย
หรือร่ำรวย ด้วยทรัพย์ แสวงหา
วัดจะดี เพราะพระเณร มีศรัทธา
ภาวนา รักษาศีล เคร่งวินัย

๐ วัดจะดี มีหลักฐาน ชาวบ้านช่วย
บ้านจะสวย ก็เพราะวัด ดัดนิสัย
บ้านกับวัด ผลักกันช่วย จึงอวยชัย
หากขัดกัน ก็บรรลัย ทั้งสองทาง

๐ คือบทกลอน สอนใจ ให้ครวญคิด
ให้พินิจ เอามา เป็นแบบอย่าง
ช่วยให้วัด พัฒนา อย่าลาร้าง
ช่วยกันสร้าง ช่วยกันทำ นำสิ่งดี

๐ ความร่วมมือ ร่วมแรง และร่วมใจ
จะทำให้ สำเร็จ เสร็จทุกที่
ชุมชนใด มีความรัก สามัคคี
ก็จะมี ชื่อเสียง ขจรไกล

๐ ต้องช่วยกัน ประสาน บ้านและวัด
อย่าให้ขัด จงช่วย กันแก้ไข
โลกและธรรม บ้านกับวัด คู่กันไป
จงร่วมใจ ร่วมทำ ในกรรมดี…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๕…

บันทึกไว้เพื่อความทรงจำ บทที่ ๓๕

…บันทึกไว้เพื่อความทรงจำ บทที่ ๓๕…

…ทุกชีวิตย่อมประสพกับอุปสรรคปัญหาด้วยกันทุกคน มากบ้างน้อยบ้างตามกำลังบุญกุศลของแต่ละคนที่ทำมา ไม่มีใครที่จะหนีพ้นอุปสรรคปัญหาไปได้ แต่ในอุปสรรคปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นย่อมที่จะมีทางแก้ไขได้ในทุกปัญหาถ้าหากใช้สติปัญญา ความรู้สึกนึกคิดและจิตที่เป็นกลาง ไม่เข้าข้างความคิดที่ติดอยู่กับผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง

อ่านเพิ่มเติม “บันทึกไว้เพื่อความทรงจำ บทที่ ๓๕”

บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๑๔

…บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๑๔…

…เมื่อใจเราอยู่กับธรรม
ธรรมนั้นก็อยู่กับเรา
เมื่อเรารักษาธรรม
ธรรมนั้นจะรักษาเรา
ธรรมะคือตัวเรา ตัวเราคือธรรมะ
เพราะธรรมะนั้นคือธรรมชาติ
ที่เป็นจริงของสรรพสิ่งในโลกนี้…

๐ ยกข้อธรรม นำมา สาธยาย
สื่อความหมาย แห่งธรรม นำวิถี
ให้ใคร่ครวญ ทวนทบ พบสิ่งดี
บทกวี ชี้ทาง ห่างอบาย

๐ ทุกถ้อยคำ เน้นย้ำ เรื่องสติ
สมาธิ ตั้งมั่น มีจุดหมาย
มีสติ คุ้มครอง รองรับกาย
เดินตามสาย เส้นทาง อย่างมั่นคง

๐ ดำรงตน อยู่ใน ศีลธรรม
ไม่ก่อกรรม ทำชั่ว ด้วยมัวหลง
ซึ่งกิเลส ตัณหา พาพะวง
ให้ต่ำลง สู่อบาย ตายทั้งเป็น

๐ ยกจิตสู่ กุศล เป็นผลดี
ฝึกให้มี หิริ ระลึกเห็น
โอตตัปปะ คุ้มครอง ให้ร่มเย็น
มองให้เห็น ดีชั่ว กลัวบาปกรรม

๐ ปลุกสำนึก ความคิด จิตมนุษย์
เป็นชาวพุทธ ไม่ควร จะใฝ่ต่ำ
จงอย่าให้ กิเลส มาครอบงำ
ศึกษาธรรม นำทาง สว่างใจ

๐ รู้จักความ พอดี เป็นที่ตั้ง
ควรระวัง ความโลภ อย่าหลงใหล
ให้อยู่ดี มีสุข ไม่ทุกข์ใจ
อย่าอยากได้ เกินไป ให้ทุกข์ทน

๐ เมื่อมีน้อย ใช้น้อย คอยประหยัด
เราควรจัด บริหาร ให้เกิดผล
อย่าใช้เกิน กำลัง ระวังตน
เกิดเป็นคน ควรรู้การ ประมาณตน…

…ฝากไว้เป็นข้อคิดเพื่อเตือนจิตสะกิดใจ…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๔…

อุทานธรรมในยามรุ่งอรุณ

…อุทานธรรมในยามรุ่งอรุณ…

…การปฏิบัติธรรมในบวรพระพุทธศาสนาทั้งสมถะและวิปัสสนากรรมฐานเราต้องละปลิโพธความกังวลห่วงใยในทุกสิ่งทุกอย่างวางจากภาระพันธะทั้งปวง ต้องมีใจเป็นอิสระเป็นการปฏิบัติที่จะต้องห่างไกลจากหมู่คณะเพราะเป็นทางเดียว ทำคนเดียวสำเร็จคนเดียวแม้พระศาสดาและผู้เป็นกัลยาณมิตร ตลอดจนผู้อุปถัมภ์ ผู้ให้ความสนับสนุนทั้งหลายนั้น ก็เป็นเพียงผู้ชี้ทางและบำรุงส่งเสริมเท่านั้น

อ่านเพิ่มเติม “อุทานธรรมในยามรุ่งอรุณ”

เมื่อจิตระลึกถึงธรรมในยามรุ่งอรุณ

…เมื่อจิตระลึกถึงธรรมในยามรุ่งอรุณ…

…หลักธรรมนั้นมีทั้งโลกียะและโลกุตระธรรมะสำหรับผู้ครองเรือนและบรรพชิตฉะนั้นเราต้องนำเสนอให้เหมาะสมกับบุคคลอย่าเอาธรรมะสำหรับบรรพชิตนักบวชไปยัดเยียดให้ฆราวาสผู้ครองเรือนเขาปฏิบัติเพราะมันจะขัดกับวิถีชีวิตประจำวันและการดำเนินชีวิตของเขา เราต้องรู้จักความพอดีและเหมาะสม จังหวะเวลา โอกาส สถานที่และบุคคล ว่าสมควรจะใช้วิธีไหนและทำอย่างไร เพื่อให้เกิดความเหมาะสม ซึ่งจะทำให้การนำเสนอธรรมนั้นจะเป็นไปด้วยดีและมีผู้ปฏิบัติตาม มีความเจริญงอกงามในธรรม โดยที่เขานั้นไม่รู้ตัว…

…ขอความเจริญในธรรมจงมีแก่ท่านทั้งหลายตามเหตุและปัจจัยที่ท่านทั้งหลายได้กระทำบำเพ็ญมา…

อ่านเพิ่มเติม “เมื่อจิตระลึกถึงธรรมในยามรุ่งอรุณ”

ทบทวนใคร่ครวญธรรมคำกวี

…ทบทวนใคร่ครวญธรรมคำกวี…

…ผู้เจริญย่อมไม่เบียดเบียนใครไม่อาฆาตใคร ไม่พยาบาทใครให้อภัยแก่คนทุกจำพวก เจริญเมตตาจิต เป็นมิตรกับคนและสัตว์ทั้งหลาย ไม่เอาเรื่องเอาราวกับใคร ใจพร้อมที่จะให้อภัยอยู่เสมอ วางใจได้อย่างนี้ ใจเราก็จะมีแต่ความสุข ไม่มีความทุกข์เพราะการให้อภัย…

อ่านเพิ่มเติม “ทบทวนใคร่ครวญธรรมคำกวี”

บันทึกไว้เพื่อความทรงจำ บทที่ ๓๔

…บันทึกไว้เพื่อความทรงจำ บทที่ ๓๔…

…บนเส้นทางสายนี้ มีผู้คนใช้สัญจรกันมากมาย มีจุดหมายปลายทางที่แตกต่างกัน หรืออาจจะไปในทิศทางเดียวกัน หลากหลายชีวิตนานาจิตตัง จะให้เหมือนกันทุกอย่างนั้นหาได้ไม่

อ่านเพิ่มเติม “บันทึกไว้เพื่อความทรงจำ บทที่ ๓๔”