เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๓๐

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๓๐…

…การปฏิบัติเพื่อการดับทุกข์อย่างแท้จริงนั้น ควรที่จะศึกษาให้รู้และเข้าใจในสิ่งที่เป็น “คู่ปรับ” ของกันและกันเพื่อที่จะนำมาใช้มาแก้อารมณ์ปรับจิตของเรา ให้มีความเจริญก้าวหน้าในธรรมซึ่งธรรมในเรื่องนี้ พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสสอนพระราหุล ถึงธรรมที่เป็นคู่ปรับกัน ๖ คู่ คือ…

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๓๐”

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๙

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๙…

…“ทำให้ดูอยู่ให้เห็นสอนให้เป็นแล้วก็ปล่อย” ใช้หลักการนี้ในการสอนให้มีจิตสำนึกต่อสวนรวมไม่ไปเรียกร้องขอความช่วยเหลือหรือใช้ใคร ให้เขาสมัครใจทำเองให้เขาเกิดจิตสำนึกเอง ซึ่งได้ยึดหลัก “ตักเตือน แนะนำ ครบสามครั้งแล้วจะไม่มีการตักเตือนอีกต่อไป” ปล่อยเขาไปตามวิบากกรรมเราทำหน้าที่ของเราสมบูรณ์แล้วในการแนะนำ สั่งสอนและตักเตือนส่วนพวกเขาจะทำหรือไม่ทำนั้นมันเป็นเรื่องของเขา หมดหน้าที่ของเราแล้ว ไม่ไปกังวลใจ วุ่นวายใจในพฤติกรรมของเขาเหล่านั้น…

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๙”

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๘

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๘…

…ชีวิตคือการเดินทาง
ทุกก้าวย่างที่ผ่านมานั้น
พบเจอปัญหาสาระพัน
เก็บมันมาเป็นบทเรียน
มันคือบทเรียนของชีวิต
ทั้งสิ่งที่ถูกและผิดที่ต้องเปลี่ยน
เหมือนกับกงล้อของเกวียน
ที่หมุนเวียนสู่การเปลี่ยนแปลง
เรียนรู้ธรรมะจากชีวิต
เรียนรู้ถูกผิดทุกหนแห่ง
ตามกำลังของสติที่มีแรง
แสวงหาซึ่งสัจธรรม

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๘”

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๗

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๗…

…กว่าจะถึงวันนี้ของชีวิต…

…ศึกษาข้อวัตรปฏิบัติสายวัดป่าจากสายของหลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง

…เสริมปัญญาศึกษาหาความรู้ทางวิชาการจากหลวงพ่อพุทธทาสแห่งสวนโมกขพลาราม

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๗”

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๖

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๖…

…สร้างวัดสร้างวัตถุนั้นสร้างได้ง่ายแต่สร้างคนที่จะมาดูแลรักษานั้นสร้างยาก เราจึงเห็นวัดร้างสำนักสงฆ์ร้างกันมากมาย เพราะเราไปเน้นสร้างวัตถุกันมากจนเกินไปไม่ได้สร้างจิตสำนึกและสร้างคนขึ้นมาทดแทน…

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๖”

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๕

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๕…

…ย้ำเตือนบุคคลรอบข้างอยู่เสมอว่า

…อย่าได้เชื่อทันทีในสิ่งรู้และในสิ่งที่เห็น เพราะมันอาจจะชักนำไปสู่ความงมงาย ไร้ปัญญา ควรคิดพิจารณา ถึงเหตุและผล ให้เห็นทุกข์เห็นภัย เห็นโทษ เห็นประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ ของสิ่งที่รู้และสิ่งที่ได้เห็นนั้น

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๕”

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๔

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๔…

…พยายามถอดสลัดทิ้งหัวโขนที่เขานำมาใส่ให้ เพื่อคืนกลับสู่ความเป็นสามัญ เดินตามความฝันที่ได้ตั้งไว้ เพราะว่าวันเวลาของชีวิตนั้นเหลืออีกไม่มากแล้ว จึงต้องเร่งรีบหาเวลาปฏิบัติปรารภความเพียร

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๔”

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๓

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๓…

…ระลึกถึงคำของครูบาอาจารย์ที่ท่านเตือนย้ำอยู่เสมอว่า การมีสติรู้ตัวทั่วพร้อมอยู่ทุกขณะจิตนั้น เรียกว่ากำลังทำความเพียร กำลังปฏิบัติธรรมไม่จำเป็นว่าจะต้องนั่งสมาธิหรือเดินจงกรมจึงจะเรียกว่าปฏิบัติธรรมทำความเพียร ถ้าไม่มีสติระลึกรู้ฟุ้งซ่านคิดไปเรื่อย ก็ไม่เรียกว่าทำความเพียร แม้จะนั่งสมาธิหรือเดินจงกรมอยู่ก็ตาม เมื่อไหร่ที่จิตนั้นมีสติรู้ตัวทั่วพร้อมอยู่ไม่ว่าจะยืนจะเดิน จะนั่งจะนอน ก็ได้ชื่อว่ากำลังปฏิบัติธรรมทำความเพียรอยู่

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๓”

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๒

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๒…

…“สรรพสิ่งล้วนเคลื่อนไหว ไปตามกฎแห่งธรรมชาติ” มีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่แล้วดับไป ซึ่งเงื่อนไขของกาลเวลานั้นอาจจะแตกต่างกันไป ตามเหตุปัจจัยของสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น จนบางครั้งเราแทบจะไม่เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของความเสื่อมสลายที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ทุกขณะ จึงเข้าไปยึดติดและยึดถือในสิ่งเหล่านั้น อยากจะให้มันเป็นไปตามที่ใจของเรานั้นปรารถนาให้เป็นซึ่งถ้าสิ่งเหล่านั้น มันตอบสนองความต้องการของเราได้ เราก็จะยินดีและเพลิดเพลินไปกับมัน

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๒”

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๑

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๑…

… ไร้ซึ่งรูปแบบ แต่ไม่ไร้ซึ่งสาระธรรมะคือสิ่งที่อยู่ภายใน สัมผัสได้โดยคุณธรรมที่แผ่ออกมา ที่สุดของกระบวนท่า คือการไร้ซึ่งกระบวนท่าที่สุดของอาวุธ คือการไม่มีอาวุธที่สุดของกระบี่ คือการไร้ซึ่งกระบี่เพราะกระบี่นั้นอยู่ที่ใจ ที่สุดของรูปแบบ นั้นคือการไร้ซึ่งรูปแบบเพราะรูปแบบนั้นอยู่ที่ใจ แต่กว่าจะถึงซึ่งจุดนั้นได้ ก็ต้องเริ่มต้นมาจากพื้นฐานการมีรูปแบบมาทั้งสิ้น…

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๑”