ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๓๐

…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๓๐…

…สรรพสิ่งเพียงผ่านมาแล้วก็จากไปสิ่งที่เหลือไว้นั้นคือความทรงจำกาลเวลาคือเครื่องพิสูจน์สรรพสิ่งธรรมชาติหรือเทคโนโลยีหนีไม่พ้นกฎของธรรมชาติเกิดขึ้น…ตั้งอยู่…ดับไป ไม่มีอะไรจีรังและยั่งยืน อนิจจัง ทุกขังอนัตตา ทุกสิ่งล้วนภาพมายา ไม่ควรจะมัวเมาลุ่มหลง ปลด ปลง ปล่อยวางออกห่างจากอกุศลจิต เพื่อกำหนดทิศทางใหม่ให้ชีวิต ถูกหรือผิดสิ่งนั้นรู้อยู่แก่ใจ แล้วทำไมต้องคล้อยตามมันอดีตที่ผ่านไปเกินครึ่งของชีวิต จมดิ่งมืดมิดอยู่ในโลกสีดำ ถลำหลงไปในโลกแห่งมายา ก่อนที่จะได้เข้าสู่เส้นทางสายธรรม วันเวลานั้นเหลืออีกน้อยนิดชีวิตนี้อย่าได้ประมาทไปเลย…

อ่านเพิ่มเติม “ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๓๐”

ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๙

…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๙…

…หลวงพ่อพุทธทาสท่านสอนไว้ว่า ชีวิตคือการทำงาน การทำงานอย่างมีสตินั้นคือการปฏิบัติธรรม ดำเนินชีวิตด้วยการทำงานทั้งทางภายนอกและภายใน ควบคุมกายใจด้วยสติและสัมปชัญญะอยู่ตลอดเวลา พิจารณาให้เห็นความเป็นจริงของสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหลาย ทำใจให้ยอมรับกับสภาพแห่งความเป็นจริงในสิ่งเหล่านั้นเมื่อใจรับได้ เพราะรู้และเข้าใจในความเป็นไปของสิ่งเหล่านั้น เห็นที่มาที่ไปเหตุปัจจัยของสิ่งทั้งหลายที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนั้น เมื่อละวางมันได้ความทุกข์เพราะความกังวลทั้งหลายก็หายไปสิ้นไป จิตเข้าสู่ความโปร่ง โล่ง เบา สบาย…

อ่านเพิ่มเติม “ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๙”

ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๘

…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๘…

…ทุกชีวิตย่อมมีเป้าหมาย
อย่าปล่อยให้ผ่านไปโดยไร้ค่า
อย่าปล่อยวันเวลาให้สูญเปล่า
ชีวิตเรานั้นควรจะมีเป้าหมาย
ฝันนั้นอาจจะตั้งไว้ไม่ไกล
แต่เรานั้นต้องเดินไปให้ถึง
ทำซึ่งความฝันนั้นให้เป็นจริง
ไม่ใช่สิ่งที่ยากเกินจะกระทำ…

อ่านเพิ่มเติม “ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๘”

ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๗

…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๗…

…ถามตัวเองอยู่เสมอว่า วันเวลาที่ผ่านไปนั้น เราได้อะไรจากวันเวลาและคุ้มค่ากับวันเวลาที่ผ่านไปหรือไม่เพื่อไม่ให้เราหลงกับวัยและเวลาชีวิตที่เหลืออยู่จะได้เร่งสร้างคุณค่าให้กับชีวิต แม้นเพียงสักน้อยนิดก็ยังดีกว่าที่เรานั้นจะไม่ได้ทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอัน ทั้งประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน ไม่ได้หวังว่าจะต้องได้ในชาตินี้หรือชาติหน้าเพียงแต่ตั้งใจว่าจะทำไปเรื่อย ๆ ถึงเมื่อไหร่ไปเมื่อนั้น จะไม่สร้างความกดดันให้กับตัวเองเหมือนที่เคยผ่านมา เพราะว่าจะทำให้เกิดอาการเกร็ง เพราะไปเคร่งแล้วมันจะเครียด เป็นการเบียดเบียนตนเองความเจริญในธรรมทั้งหลายก็จะไม่เกิดขึ้น เพราะว่าความกังวลกดดันมาขวางกั้นความเจริญในธรรมทั้งหลายมิให้เกิดขึ้น…

อ่านเพิ่มเติม “ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๗”

ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๖

…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๖…

…จิตระลึกถึงสุภาษิตบทหนึ่งขึ้นมาเป็นโพธิสัตว์คาถาที่ว่า…

…” อนยํ นยติ ทุมฺเมโธ อธุรายํ นิยุญํํชติ
ทุนฺนโย เสยฺยโส โหติ สมฺมา วุตฺโต ปกุปฺปติ
วินยํ โส น ชานาติ สาธุ ตสฺส อทสฺสนํ “…

…แปลความว่า…
” คนพาลชอบชักนำในทางที่ผิด
คนพาลมักทำในสิ่งที่ไม่ใช่ธุระ
คนพาลมักเห็นผิดเป็นชอบ
คนพาลแม้พูดดีๆก็โกรธ
คนพาลไม่ยอมรับระเบียบวินัย
ดังนั้น การไม่พบเห็นคนพาลจึงเป็นการดี “
…โพธิสัตว์คาถา อกิตติชาดก ๒๗/๓๓๗…

อ่านเพิ่มเติม “ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๖”

ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๕

…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๕…

… ธรรมะนั้น ไม่มีคำว่าดีที่สุดและถูกต้องที่สุด แต่จะมีความเหมาะสมที่สุด ด้วยองค์ประกอบของเหตุและปัจจัย ธรรมะทั้งหลายจึงเป็นธรรมะสัปปายะ คือธรรมที่เหมาะสมกับ จังหวะ เวลา โอกาสสถานที่และตัวบุคคล ตามเหตุตามผลของพละกำลังและอินทรีย์ที่ได้สะสมมา

อ่านเพิ่มเติม “ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๕”

ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๔

…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๔…

…อดีตที่ผ่านมานั้นคือบทเรียน มันเป็นบทเรียนของชีวิต มีทั้งการลองผิดและลองถูกสลับกันไป ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นนั้น มันไม่ใช่ความล้มเหลวแต่เป็นประสบการณ์ของชีวิตและเป็นการเรียนรู้กับชีวิต ไม่ยึดติดฝังใจอยู่กับความผิดพลาดที่ผ่านมานำสิ่งนั้นมาเป็นแรงบันดาลใจที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆทำให้ดีกว่าที่ผ่านมาชีวิตนั้นต้องเดินไปข้างหน้า สิ่งที่ผ่านมาทั้งหลายนั้นคือประสบการณ์ของชีวิต

อ่านเพิ่มเติม “ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๔”

ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๓

…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๓…

…หลายคนอาจจะมองว่าชีวิตช่างวุ่นวายทำไปทำไมมากมาย ควรจะอยู่นิ่ง ๆ ทำกิจของสงฆ์ไป ไม่ต้องมาวุ่นวายกับเรื่องของทางโลก ก็เลยย้อนถามกลับไปว่า อะไรคือโลก อะไรคือธรรม ธรรมนั้นอยู่ที่ไหน ธรรมนั้นใครคือผู้ใช้ผู้ปฏิบัติธรรม โลกและธรรมคือของคู่กัน อาศัยซึ่งกันและกัน…

อ่านเพิ่มเติม “ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๓”

ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๒

…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๒…

…การที่เราอยู่ร่วมกับหมู่คณะในสังคมนั้นเราต้องทำความรู้ ความเข้าใจกับสถานที่และตัวบุคคลในที่นั้นๆ เพราะว่าคนแต่ละคนนั้นมีความแตกต่างกัน ด้วยธาตุและอินทรีย์ จึงทำให้มีความคิดและพฤติกรรมที่แตกต่างกันออกไป เราจึงต้องทำความเข้าใจกับบุคคลและสถานที่นั้นๆ

อ่านเพิ่มเติม “ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๒”

ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๑

…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๑…

…ได้กล่าวบอกแก่ผู้คนที่มาหาเพื่อสนทนาธรรมเสมอว่าการปฏิบัติธรรมนั้นมันคล้ายกับการปลูกต้นไม้ ผู้ปลูกต้องมีความอดทนที่จะรอให้เห็นผลเฝ้าดูการเจริญเติบโตของต้นไม้นั้นรอจนถึงวันที่มันแตกดอกออกผลให้เราได้ชม ได้ใช้ผลหรือได้เก็บกินซึ่งทั้งหมดทั้งสิ้นนั้น มันต้องใช้ระยะเวลาแห่งการเฝ้ารอคอยหมั่นดูแลและบำรุงรักษา เพื่อมิให้ต้นไม้นั้นมีอันตรายจากสิ่งที่จะมารบกวนส่วนการเจริญเติบโตของต้นไม้นั้นมันเป็นไปตามกาลเวลาและอายุของมัน…

อ่านเพิ่มเติม “ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๑”