คิดไป เขียนไป บทที่ ๑๑

…คิดไป เขียนไป บทที่ ๑๑…

…”ความพยายามพวกเธอต้องทำเอาเอง ตถาคตเป็นเพียงผู้ชี้บอกเท่านั้น”
“ตุมฺเหหิ กิจฺ อาตปฺปํ อกฺขาตาโร ตถาคตา”…
…พุทธภาษิต ธรรมบท ๒๕/๔๓…

…ในส่วนลึกของจิตใต้สำนึกนั้นทุกคนย่อมจะมีจิตสำนึกแห่งความใฝ่ดีซ่อนอยู่เสมอ เพียงแต่บางครั้งยังไม่ได้แสดงออกมา เพราะเงื่อนไขของเรื่องจังหวะ เวลา โอกาส สถานที่และตัวบุคคลนั้น ยังไม่เอื้ออำนวย ไม่เปิดโอกาสให้แสดงออกมาได้ในสิ่งนั้น

อ่านเพิ่มเติม “คิดไป เขียนไป บทที่ ๑๑”

จากการเดินทางบนสายธรรม บทที่ ๔๕

…จากการเดินทางบนสายธรรม บทที่ ๔๕…

…ยามอุษาฟ้าสว่างที่วัดลาดเค้า…

…คือแสงธรรม แสงทอง ที่ส่องมา
เปิดม่านฟ้า ที่มืดมิด ให้สดใส
ปลุกพลัง แรงกาย และแรงใจ
เช้าวันใหม่ ชีวิตใหม่ ต้องก้าวเดิน

…นิ่งสงบ เหมือนหลัก ที่ปักไว้
นิ่งสงบ ภายใน ไม่เก้อเขิน
เจริญสุข เจริญธรรม จิตเพลิดเพลิน
เพราะก้าวเดิน ตามมรรค องค์สัมมา

…ฟ้ากับน้ำ ยามเช้า ช่วยปลุกจิต
ปลุกชีวิต ให้เร่งรีบ แสวงหา
ให้รู้จัก ตัวตน คืออัตตา
ทั้งกิเลส ตัณหา ที่มันมี

…ดูกายใจ กายจิต คิดวิเคราะห์
ดูให้เหมาะ ให้เห็น ในสิ่งนี้
เดินตามทาง ตามมรรค ทุกวิธี
ทำให้มี ทำให้เห็น ความเป็นจริง

…สรรพสิ่ง ล้วนแล้ว เกิดและดับ
เปลี่ยนสลับ กันไป ในทุกสิ่ง
ตามหลักธรรม นำสร้าง และอ้างอิง
เมื่อจิตนิ่ง ใจสงบ ก็พบธรรม

…ธรรมทั้งหลาย อยู่ที่กาย และที่จิต
เพ่งพินิจ มองให้เห็น ความลึกล้ำ
ไปตามแรง แห่งกุศล ผลของกรรม
สิ่งที่ทำ นั้นเริ่ม จากตัวเรา…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๓ มกราคม ๒๕๖๕…

คิดไป เขียนไป บทที่ ๑๐

…คิดไป เขียนไป บทที่ ๑๐…

…จงกล่าวธรรม เพื่อธรรม กล่าวธรรมโดยธรรม ทำหน้าที่โดยการกล่าวธรรมซึ่งต้องให้เหมาะสมกับจังหวะ เวลา โอกาสสถานที่และบุคคล คือต้องรู้จักกาละเทสะไม่กล่าวธรรมพร่ำเพรื่อ ต้องให้เหมาะกับกาลการกล่าวธรรมนั้นจึงจะบังเกิดผล ก่อให้เกิดความเจริญในธรรมและได้รับการสนองตอบเพราะชอบด้วยกาล เวลา คือถูกที่ ถูกทางและถูกธรรม…

อ่านเพิ่มเติม “คิดไป เขียนไป บทที่ ๑๐”

รำพึงธรรมในยามค่ำคืน

…รำพึงธรรมในยามค่ำคืน…

…ในคืนวันพระขึ้นแปดค่ำ
หลังจากพระอาทิตย์ลาลับไปจากขอบฟ้า
เป็นเวลาของดวงดาวที่ได้ทอแสงประกาย
ระยิบระยับบนท้องฟ้าที่ไร้เมฆหมอก
บ่งบอกว่าคือเวลาแห่งดาวจรัสแสง
ลมที่พัดจากชายน้ำนำความเย็นมาเยือน
สมณะกลุ่มหนึ่งนั่งเจริญภาวนาที่ลานธรรม

…ในค่ำคืนขึ้นแปดค่ำที่เงียบสงบ
น้อมจิตมาพิจารณาค้นหาสัจธรรม
สรรพสิ่งรอบกายนั้นยังคงเคลื่อนไหว
แต่สภาวะภายในนั้นกลับสงบนิ่ง
เห็นความเป็นจริงของการเกิดดับ
ทั้งสิ่งที่เป็นกุศลและสิ่งที่เป็นอกุศล
เมื่อรู้เห็นและเข้าใจแล้วจิตก็ปล่อยวาง

…ทุกอย่าง มันเป็นเช่นนั้นเอง…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม…
…๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๕…

จากการเดินทางบนสายธรรม บทที่ ๔๔

…จากการเดินทางบนสายธรรม บทที่ ๔๔…

“ธรรมชาติของจิตย่อมผุดผ่อง แต่เศร้าหมองด้วยอุปกิเลสที่จรมา”
“ปภสฺสรมิทํ ภิกฺขเว จิตฺตํ ตญฺจ โข
อาคนฺตุเกหิ อุปกฺกิเลเสหิ อุปกฺกิลิฏฺฐํ”
…พุทธสุภาษิต เอกนิบาต ๒๐/๙…

…มนุษย์ทุกคนมีความคิด ถูกหรือผิด ต่างรู้อยู่แก่ใจ แต่ที่ยังกระทำลงไปในสิ่งผิด เป็นเพราะขาดจิตสำนึกแห่งคุณธรรม ที่จะหักห้ามมิให้กระทำผิด

อ่านเพิ่มเติม “จากการเดินทางบนสายธรรม บทที่ ๔๔”

คิดไป เขียนไป บทที่ ๙

…คิดไป เขียนไป บทที่ ๙…

…ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวไว้อย่าเอาชีวิตไปยึดติดกับผู้ใดขอให้ศรัทธาในธรรมะที่เขากล่าวให้มากกว่าตัวของผู้กล่าวธรรมแล้วท่านจะไม่เสียใจเมื่อผู้กล่าวธรรมนั้นแปรเปลี่ยนไป

…จงให้ความสำคัญในธรรมของพระพุทธองค์ที่มีผู้นำมากล่าวมากกว่าตัวของผู้กล่าวธรรมจงเอาที่ธรรมะ อย่าไปเอาที่ตัวบุคคล แล้วจะทำให้ท่านไม่เสียใจหรือเสียความรู้สึกเมื่อผู้ที่กล่าวธรรมนั้นมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป …

อ่านเพิ่มเติม “คิดไป เขียนไป บทที่ ๙”

จากการเดินทางบนสายธรรม บทที่ ๔๓

…จากการเดินทางบนสายธรรม บทที่ ๔๓…

…รำพึงธรรมคำกวีผ่านกาลเวลา…

๐ คือม่านเมฆ หมอกหนาว ในราวป่า
เดือนธันวา หน้าหนาว คราวสิ้นฝน
ก่อนที่แสง อาทิตย์ มาเยือนยล
ทุกแห่งหน มีให้เห็น เป็นบุญตา

๐ อยู่ท่ามกลาง ไพรพนา รักษาจิต
เพ่งพินิจ มองเห็น และมองหา
มองให้เห็น กิเลสร้าย ในกายา
เพียรศึกษา เพียรเพิ่ม เสริมปัญญา

๐ เพื่อลดละ อัตตา และมานะ
เพื่อจะละ ซึ่งกิเลส และตัณหา
เพื่อลบรอย ล้างจิต อวิชชา
เพื่อจะพา กายใจ ให้ร่มเย็น

๐ เย็นด้วยธรรม นำใจ บริสุทธิ์
ตามทางพุทธ ศาสตร์ศิลป์ ที่ได้เห็น
เย็นด้วยธรรม นำให้รู้ จึงอยู่เป็น
หมดทุกข์เข็ญ เย็นด้วยธรรม ที่นำทาง

๐ เย็นทั้งนอก เย็นทั้งใน สบายจิต
เมื่อจัดวาง ความคิด ตามแบบอย่าง
รู้จักลด รู้จักละ รู้จักวาง
นำจิตห่าง จากทุกข์ ก็สุขใจ

๐ รู้อะไร ก็ไม่สู้ เท่ารู้จิต
รู้เท่าทัน ความคิด จิตแจ่มใส
รู้อะไร ก็ไม่สู้ เท่ารู้ใจ
ไม่มีใคร รู้จักเรา เท่าเราเอง

๐ สายลมหนาว ทำให้หนาว แต่ภายนอก
จิตมันหลอก เพราะกิเลส มันข่มเหง
ให้หนาวกาย หนาวจิต คิดกลัวเกรง
ใจเราเอง มันหลอกเรา ให้เศร้าใจ….

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๔…

คิดไป เขียนไป บทที่ ๘

…คิดไป เขียนไป บทที่ ๘…

…วันเวลาแห่งชีวิตลิขิตไปตามกฎแห่งกรรม สิ่งที่เราเคยได้กระทำมาในอดีตและปัจจุบัน ส่งผลมาสู่วันนี้ทั้งกรรมดีที่เป็นกุศลส่งผลให้พบสิ่งดีและกรรมที่เป็นอกุศลที่ส่งผลมาเป็นอุปสรรคปัญหาสิ่งที่ผ่านมาแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วเพราะเป็นอดีต จงยืดอกยิ้มสู้ยอมรับในกฎแห่งกรรมที่ทำมา…

…อดีตคือบทเรียนของชีวิตถูกหรือผิดล้วนแล้วคือบทเรียนทบทวนใคร่ครวญพิจารณาในสิ่งที่ผ่านมา ให้เห็นที่มาและความเป็นไปในชีวิต เพื่อที่จะกำหนดทิศทางใหม่ที่จะก้าวเดิน โดยเอาอดีตนั้นมาเป็นบทเรียน เพราะว่ามันคือบทเรียนแห่งชีวิต

อ่านเพิ่มเติม “คิดไป เขียนไป บทที่ ๘”

บอกกล่าว เล่าเรื่อง บทที่ ๗

…บอกกล่าว เล่าเรื่อง บทที่ ๗…

…จากประสบการณ์ของชีวิตฆราวาสที่ผ่านมาอย่างโชกโชน ได้มีโอกาสเข้าไปสัมผัสมาหมดแล้วทุกวงการทำให้โลกทัศน์ ชีวทัศน์และวิสัยทัศน์ของเรานั้นเปิดกว้าง รับรู้ในข้อมูลทุกอย่างและทุกเรื่อง จึงได้นำเอาประสบการณ์ที่มีอยู่นั้นมาสงเคราะห์อนุเคราะห์ช่วยเหลื่อผู้อื่น โดยใช้การสอดแทรกหลักธรรมการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องและสอดคล้องกับวิถีลงไป

อ่านเพิ่มเติม “บอกกล่าว เล่าเรื่อง บทที่ ๗”

คิดไป เขียนไป บทที่ ๗

…คิดไป เขียนไป บทที่ ๗…

…ปลายทางย่อมอยู่ไม่ไกลตราบใดที่เรายังก้าวเดินไปข้างหน้าในเส้นทางที่ถูกต้องตรงไปสู่จุดหมาย…

…ชีวิตคือการทำหน้าที่ ชีวิตที่เหลืออยู่นี้คือการทำหน้าที่ให้ดีที่สุดของความเป็นมนุษย์ให้สมบูรณ์…

….ธรรมอยู่ที่สภาวะภายในของจิตมิใช่อยู่ที่การแสดงออกทางกาย…

อ่านเพิ่มเติม “คิดไป เขียนไป บทที่ ๗”