กระแสธรรมแห่งกาลเวลา

…กระแสธรรมแห่งกาลเวลา…

…ช่วงนี้หยุดพักเรื่องการเดินทางลงชั่วคราว ทำให้มีเวลาที่จะทบทวนได้ในสิ่งที่ได้ผ่านมา สิ่งที่มุ่งหวังและตั้งใจไว้ สิ่งที่ได้กระทำลงไปและสิ่งที่ยังไม่ได้กระทำ การทำงานทุกอย่างนั้นต้องมีแผนงาน มีแบบแผนและโครงสร้างที่เราต้องวางไว้ล่วงหน้าซึ่งที่ผ่านมานั้นเกิดจากการคิดและวิเคราะห์หาความเหมาะสมกับเวลาโอกาส สถานที่ บุคคล เอามาเป็นเหตุและผลของการกำหนดแผนงาน

อ่านเพิ่มเติม “กระแสธรรมแห่งกาลเวลา”

ทบทวนธรรม คำกวี

…ทบทวนธรรม คำกวี…

…วันเวลาที่ผ่านไปนั้น ทำงานไปตามบทบาทและหน้าที่ตาม จังหวะ เวลาและโอกาสที่พึงมี ทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยการมีสติสัมปชัญญะระลึกรู้ในสิ่งที่คิดและกิจที่ทำ “ชีวิตคือการทำงาน การทำงานคือส่วนหนึ่งของชีวิต”

…ชีวิตนั้นต้องดำเนินไปตามกระแสแห่งกรรมที่ทำมา ทุกคนเกิดมาต่างมีภาระหน้าที่และบทบาทที่แตกต่างกัน ตามที่กรรมเก่าได้จัดสรรไปตามเหตุและปัจจัยซึ่งที่มานั้นเราไม่สามารถที่จะแก้ไขได้เพราะมันเป็นเรื่องของอดีตที่ผ่านมาแล้วแต่เรื่องราวในอนาคตนั้น เราสามารถที่จะกำหนดได้ โดยการสร้างเหตุและปัจจัยในวันนี้ ดำเนินชีวิตตามภาระและหน้าที่ของเราที่มีให้สมบูรณ์ ทำในสิ่งที่ไม่เป็นภัยต่อชีวิต ไม่เป็นพิษต่อผู้อื่นไม่ฝ่าฝืนธรรมวินัย กฎหมายและประเพณีที่ดีงาม เดินตามอริยมรรคอันมีองค์ ๘ ตามสถานะและสภาวะของเรา…

อ่านเพิ่มเติม “ทบทวนธรรม คำกวี”

บันทึกไว้เพื่อความทรงจำ บทที่ ๔๗

…บันทึกไว้เพื่อความทรงจำ บทที่ ๔๗…

…มีผู้ปรารถนาดีหวังดีมาถามอยู่เสมอว่า ทำไม่ไม่อยู่อย่างผู้อื่นเขาทำไมไม่เอาอย่างเขา ก็ตอบไปว่าเราอยู่กับตัวตนที่แท้จริงของเราไม่เคยคิดที่จะสร้างภาพมายาให้คนมาศรัทธาชื่นชมกล่าวยกย่องสรรเสริญอยู่กับความเป็นจริง ทำในสิ่งที่ควรทำและทำได้ในขณะนั้น

อ่านเพิ่มเติม “บันทึกไว้เพื่อความทรงจำ บทที่ ๔๗”

บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๒๖

…บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๒๖…

…การปฏิบัติธรรมนั้น ถ้าจะให้พบของจริงต้องละทิ้งอัตตาและอุปาทาน ที่เป็นตัวปิดบังความเป็นจริงออกเสียก่อน ทำให้มันแจ้งให้มันสว่าง แล้วเราจะได้เห็นสภาพแห่งความเป็นจริงของสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวงแต่การถอนมานะ การละทิฏฐินั้นไม่ใช่เรื่องง่ายมันเป็นเรื่องยากสำหรับนักปฏิบัติธรรมทั้งหลาย ตราบใดที่เรายังไม่เกิดธรรมสังเวชในกายมันก็ยังละไม่ได้ในอัตตา และถ้ายังไม่เกิดธรรมสังเวชในเวทนามันก็ละไม่ได้ซึ่งอุปาทาน

อ่านเพิ่มเติม “บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๒๖”

สดับธรรมตามกาลเวลา

…สดับธรรมตามกาลเวลา…

…การมีสติรู้ตัวทั่วพร้อมอยู่ทุกขณะจิตนั้น เรียกว่ากำลังทำความเพียร กำลังปฏิบัติธรรมไม่จำเป็นว่าจะต้องนั่งสมาธิหรือเดินจงกรม จึงจะเรียกว่าปฏิบัติธรรมทำความเพียรถ้าไม่มีสติระลึกรู้ จิตฟุ้งซ่านคิดไปเรื่อย ก็ไม่เรียกว่าทำความเพียร แม้จะนั่งสมาธิหรือเดินจงกรมอยู่ก็ตามเมื่อไหร่ที่จิตนั้นมีสติรู้ตัวทั่วพร้อมอยู่ ไม่ว่าจะยืน จะเดินจะนั่งจะนอน ก็ได้ชื่อว่ากำลังปฏิบัติธรรมทำความเพียรอยู่…

…การไร้รูปแบบก็คือการมีรูปแบบเฉพาะตัวนั้นเอง โดยการไม่เข้าไปยึดติดในรูปแบบที่เป็นกระแสนิยมของสังคม เป็นไปเพื่อความเหมาะสมกับจริตและวิถีชีวิตของผู้ปฏิบัตินั้นเองเป็นการกระทำที่รู้ได้เฉพาะตนมีเหตุและผลในการกระทำทั้งหลายมีสติและสัมปชัญญะที่เป็นกุศลควบคุมกายจิตอยู่ทุกขณะ เป็นสภาวะของปรมัตถธรรม จิตเข้าสู่ความเป็นปัจจัตตัง รู้ได้เฉพาะตนในสิ่งที่คิดและกิจที่ทำ ดำเนินชีวิตไปอย่างเรียบง่าย ไม่เป็นภัยต่อชีวิตไม่เป็นพิษต่อผู้อื่น ไม่ฝ่าฝืนธรรมวินัยเป็นไปโดยชอบอันประกอบด้วยกุศลเป็นมงคลต่อชีวิต นั้นสิ่งที่ควรคิดและกิจที่ควรทำ…

อ่านเพิ่มเติม “สดับธรรมตามกาลเวลา”

ระลึกถึงธรรมย้ำเตือนจิต

…ระลึกถึงธรรมย้ำเตือนจิต…

…การปฏิบัติธรรมนั้นคือการเจริญสติและการเจริญสัมปชัญญะเพื่อให้มีการระลึกรู้และมีความรู้ตัวทั่วพร้อมอยู่ทุกขณะจิตกับสิ่งที่คิด สิ่งที่ทำและสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นโดยมีองค์แห่งคุณธรรมคุ้มครองจิตอยู่องค์แห่งคุณธรรมที่ว่านั้นคือ ความละอายและเกรงกลัวต่อบาปคอยกระตุ้นเตือนจิตสำนึก ความรู้สึกผิดชอบและชั่วดีที่กำลังเกิดขึ้นในความคิด ในจิตของเรา ทำให้เราสามารถที่จะข่มใจไม่ให้คล้อยตามตัณหาความอยากที่เป็นอกุศลนั้นได้ ซึ่งต้องใช้การหมั่นฝึกฝนปฏิบัติเพื่อสร้างความเคยชินให้แก่จิต ในการคิดและการรู้เท่าทันซึ่งอารมณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นในจิตของเรา…

อ่านเพิ่มเติม “ระลึกถึงธรรมย้ำเตือนจิต”

ย้ำเตือนจิต คิดถึงธรรม

…ย้ำเตือนจิต คิดถึงธรรม…

…”กาลามสูตร” อันเป็นหลักแห่งความเชื่อ ที่สอนไม่ให้เชื่ออย่างงมงาย โดยไม่ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นจริง ถึงคุณโทษหรือดีไม่ดีก่อนที่จะเชื่อ ซึ่งมีหลักให้พิจารณาอยู่ ๑๐ ประการคือ…

๑. อย่าเชื่อตามที่ฟังๆกันมา
๒. อย่าเชื่อตามที่ทำต่อๆกันมา
๓. อย่าเชื่อตามคำเล่าลือ
๔. อย่าเชื่อโดยอ้างตำรา
๕. อย่าเชื่อโดยนึกเอา
๖. อย่าเชื่อโดยคาดคะเนเอา
๗. อย่าเชื่อโดยนึกคิดตามแนวเหตุผล
๘. อย่าเชื่อเพราะถูกกับทฤษฎีของตน
๙. อย่าเชื่อเพราะรูปลักษณ์ที่ควรเชื่อได้
๑๐. อย่าเชื่อเพราะผู้พูดเป็นครูอาจารย์ของตน

อ่านเพิ่มเติม “ย้ำเตือนจิต คิดถึงธรรม”

บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๒๕

…บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๒๕…

…ขอบคุณธรรมชาติรอบกายทั้งหลายที่เป็นครูผู้สอนธรรม น้อมนำให้จิตได้คิดและพิจารณาในสิ่งที่ผ่านมาและสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ให้มีสติระลึกรู้และความรู้ตัวทั่วพร้อม น้อมจิตเข้าสู่การปฏิบัติ ขจัดความคิดที่เป็นอวิชชาทั้งหลายให้จางคลายและหายไปเรียนรู้ในสิ่งใหม่

…เข้าใจในปัจจุบันธรรมมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่ความคิดที่เกิดจากจิตปรุงแต่ง แต่เป็นสภาวะรู้ที่เกิดในขณะที่จิตนั้นว่าง เมื่อเราละวางความคิดทั้งหลาย

…ระลึกนึกถึงคำกล่าวของครูบาอาจารย์ที่ท่านได้กล่าวสอนไว้ว่า “เมื่อหยุดคิดหยุดปรุงแต่งและวางทุกสิ่งลงได้ ทั้งสิ่งที่รู้และสิ่งที่ถูกรู้ทั้งปวง สัจธรรมจริงแท้ก็จะปรากฏขึ้นมาให้รู้เห็นเอง”

…มันเป็นเช่นนี้เอง….

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔…

บันทึกไว้เพื่อความทรงจำ บทที่ ๔๖

…บันทึกไว้เพื่อความทรงจำ บทที่ ๔๖…

…เวลาที่เหลืออยู่ของชีวิตนั้นมันสั้นลงทุกวินาที ที่ผ่านเลยไปจงใช้เวลาที่เหลืออยู่นั้นให้เป็นประโยชน์ต่อตนเองและสังคมให้มากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้อย่าได้ปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยไร้สาระ ทบทวนใคร่ครวญในสิ่งที่ผ่านมา ว่าเรานั้นได้สร้างได้ทำอะไรมาบ้างแล้ว เรามีความภาคภูมิใจในสิ่งที่เราได้สร้างได้ทำมาแล้วหรือไม่ ชีวิตนี้มีความทรงจำที่ดีเก็บไว้แล้วหรือยัง…

อ่านเพิ่มเติม “บันทึกไว้เพื่อความทรงจำ บทที่ ๔๖”

กระแสธรรมแห่งกาลเวลา

…กระแสธรรมแห่งกาลเวลา…

…การไร้รูปแบบก็คือการมีรูปแบบเฉพาะตัวนั้นเอง โดยการไม่เข้าไปยึดติดในรูปแบบที่เป็นกระแสนิยมของสังคม เป็นไปเพื่อความเหมาะสมกับจริตและวิถีชีวิตของผู้ปฏิบัตินั้นเองเป็นการกระทำที่รู้ได้เฉพาะตนมีเหตุและผลในการกระทำทั้งหลายมีสติและสัมปชัญญะที่เป็นกุศลควบคุมกายจิตอยู่ทุกขณะ เป็นสภาวะของปรมัตถธรรม จิตเข้าสู่ความเป็นปัจจัตตัง รู้ได้เฉพาะตนในสิ่งที่คิดและกิจที่ทำ ดำเนินชีวิตไปอย่างเรียบง่าย ไม่เป็นภัยต่อชีวิต ไม่เป็นพิษต่อผู้อื่น ไม่ฝ่าฝืนธรรมวินัย เป็นไปโดยชอบอันประกอบด้วยกุศลเป็นมงคลต่อชีวิต นั้นสิ่งที่ควรคิดและกิจที่ควรทำ…

อ่านเพิ่มเติม “กระแสธรรมแห่งกาลเวลา”