ชีวิตนี้ยังมีหนทางไป

…ชีวิตนี้ยังมีหนทางไป…

…ฟ้าครึ้มยามฝนพรำ เมฆหมอกดำปกคลุมฟ้า
ม่านเมฆหมอกมายา ปกคลุมฟ้าให้มืดมน
เปรียบเป็นเช่นชีวิต เมื่อความคิดเริ่มสับสน
จิตใจนั้นกังวล จิตสับสนไร้หนทาง
มืดไปทั้งแปดด้าน ความคิดอ่านนั้นเลือนลาง
สับสนในหนทาง มองทุกอย่างเป็นทางตัน
เพราะใจนั้นยึดถือ จิตทั้งดื้อและทั้งรั้น
ไม่ลดละเลิกมัน ในตัวฉันและตัวกู
อัตตาพาให้ทุกข์ ใจไม่สุขอย่างเป็นอยู่
ตัวกูและของกู จิตนั้นรู้แต่ไม่วาง
ยิ่งถือก็ยิ่งทุกข์ ไร้ซึ่งสุขในทุกทาง
ถือไปไม่ยอมวาง จิตก็ห่างทางสบาย
วางใจให้หยุดนิ่ง จะเห็นจริงในความหมาย
เห็นจิตและเห็นกาย รู้ความหมายสัจจธรรม
รู้กายและรู้จิต รู้ความคิดที่เลิศล้ำ
รู้เห็นสัจจธรรม จิตจะนำสู่ความดี
ความดีของชีวิต อยู่ที่จิตคิดถ้วนถี่
คิดดีและทำดี เพียงเท่านี้ก็ดีเอง…

…เชื่อมั่น-ศรัทธา-ปรารถนาดี-ด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร…
…๑ ธันวานคม ๒๕๕๔…

ความคุ้นเคยและความเคยชิน

…บางครั้งความคุ้นเคยและความเคยชิน มันอาจจะนำไปสู่ความหย่อนยานจนกลายเป็นความขี้เกียจ มักง่าย ถ้าเราไม่หมั่นตรวจสอบควบคุมจิตของเราไม่มีความรับผิดชอบต่อภาระหน้าที่ ข้อวัตรปฎิบัติ มันก็จะนำไปสู่ความเสื่อมจิตคล้อยตามไปในกระแสโลก ออกห่างจากทางธรรม แต่ถ้าเรามีความมั่นคงมีศรัทธาที่หนักแน่น ตามดู ตามรู้จิตนั้นอยู่เสมอ ไม่พลั้งเผลอขาดสติและองค์แห่งคุณธรรมแล้ว ความเสื่อมย่อมไม่เกิดขึ้นแก่เรา ความเจริญในธรรมทั้งหลายก็จะบังเกิดขึ้นแก่ผู้ที่ปฏิบัติเช่นนั้น สิ่งสำคัญมันอยู่ที่จิตสำนึกแห่งการใฝ่ดีว่าเรานั้นมีแล้วหรือยังและเราได้ทำในสิ่งนั้นแล้วหรือยัง…

…ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร…
…๑ ธันวานคม ๒๕๕๔…

เพียงความเคลื่อนไหวในสายธรรม

…เพียงความเคลื่อนไหวในสายธรรม…

…ตื่นตอนตีสามครึ่ง เขียนบทความ บทกวี จนถึงตีสี่ครึ่งลงไปศาลาใหญ่ไหว้พระสวดมนต์เจริญภาวนาตีห้าสี่สิบห้าลาพระเตรียมตัวออกไปรับบิณฑบาตรลงจากเขาเวลาหกนาฬิกาตรงใช้เวลาในการบิณฑบาตรหนึ่งชั่วโมงกลับขึ้นเขาหลังจากบิณฑบาตรเสร็จ ทำภัตรกิจเช้าร่วมกันเสร็จจากภัตรกิจช่วงเช้ากลับขึ้นศาลาเจริญภาวนาต่อ…

อ่านเพิ่มเติม “เพียงความเคลื่อนไหวในสายธรรม”

ปรารภธรรมคำกวีที่ขนำน้อยริมสระน้ำ

…ปรารภธรรมคำกวีที่ขนำน้อยริมสระน้ำ…

…หลายหลากเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิต เมื่อได้ใคร่ครวญพิจารณาเข้าหาหลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนา จึงได้ข้อสรุปลงตรงหลักของพระไตรลักษณ์ คือการเกิดขึ้น ตั้งอยู่แล้วดับไป เมื่อละวางได้ซึ่งความยึดถือ อันเกิดจากตัวกิเลส ตัณหาและอัตตา อุปาทาน ใจนั้นย่อมพบกับความสุขสงบที่แท้จริง…

…วัฏฏะสงสาร การเวียนว่ายในวังวน…

๐ ทุกชีวิต ในโลกนี้ ที่ได้เห็น
มันก็เป็น เช่นนั้น กันทุกหน
ล้วนเกิดแก่ เจ็บตาย ในวังวน
หนี้ไม่พ้น ล้วนพบ ประสพกัน

อ่านเพิ่มเติม “ปรารภธรรมคำกวีที่ขนำน้อยริมสระน้ำ”

รำพึงบนเส้นทางแห่งสายธรรม

…รำพึงบนเส้นทางแห่งสายธรรม…

…มนุษย์ทุกคนมีความคิดถูกหรือผิดต่างรู้อยู่แก่ใจ แต่ที่ยังกระทำลงไปในสิ่งผิดเป็นเพราะขาดจิตสำนึกแห่งคุณธรรมที่จะหักห้ามมิให้กระทำผิด จิตสำนึกต้องผ่านการฝึกฝนฝึกนึกฝึกคิดปรับจิตให้เป็นกุศลฝึกพูดในสิ่งที่เป็นมงคลแก่ตนและผู้อื่น ฝึกกระทำในสิ่งที่คิดและพูดที่เป็นความดีเพียรกระทำอย่างนี้อย่างสม่ำเสมอจนเกิดเป็นความเคยชินและติดเป็นนิสัย

อ่านเพิ่มเติม “รำพึงบนเส้นทางแห่งสายธรรม”

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๗๗

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๗๗…

…รำพึงธรรมคำกวีในยามฝนพรำ…

๐ ร่วงหล่นบนทางเท้า
ทุกค่ำเช้าเฝ้าปัดกวาด
รักษาความสะอาด
มิให้ขาดในทุกวัน

๐ ใบไม้เจ้าร่วงหล่น
ตามกาลกลเป็นเช่นนั้น
ร่วงหล่นทุกคืนวัน
เปลี่ยนแปรผันตามเวลา

๐ ร่วงหล่นลงสู่พื้น
ร่วงลงคืนพสุธา
ตามกาลและเวลา
มีเกิดมามีดับไป

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๗๗”

รำพึงธรรมตามรายทาง บทที่ ๗๗

…รำพึงธรรมตามรายทาง บทที่ ๗๗…

…การที่จะได้รับความเชื่อถือศรัทธาจากญาติโยมได้นั้น มันต้องทำให้ดูอยู่ให้เขาเห็น วางตัวให้เป็น จึงจะได้รับความเชื่อถือ ความร่วมมือ ศรัทธาจากญาติโยม

…ได้กล่าวเตือนลูกศิษย์อยู่เสมอว่าถ้าไปเป็นเจ้าสำนักหรือสมภารที่ใดจงอย่าไปทะเลาะกับคนข้างวัดหรือข้างสำนัก จงหาวิธีการสร้างศรัทธาให้เขามาเป็นมิตรให้ได้ แล้วท่านจะอยู่สบาย คล้ายมีเกราะกำแพงคุ้มกันสิ่งนั้นผู้เป็นเจ้าสำนักหรือสมภารต้องกระทำให้ได้

…อย่าให้ความสำคัญกับญาติโยมที่อยู่ไกล จนลืมคนใกล้วัด ต้องปฏิบัติตัวให้เสมอกัน เพราะคนใกล้วัดนั้นเขาคือกำลังหลักของเรา อยู่ใกล้ชิดกับเราตลอดเวลา

อ่านเพิ่มเติม “รำพึงธรรมตามรายทาง บทที่ ๗๗”

กวีธรรมส่องนำทาง

…กวีธรรมส่องนำทาง…

…กวีธรรม นำทาง สร้างชีวิต
กวีธรรม นำจิต นิมิตใหม่
กวีธรรม ส่องนำ กายและใจ
กวีธรรม ทำให้ ใจร่มเย็น…

…กวีธรรม ทำให้ ใจนึกคิด
กวีธรรม ชี้ให้จิต นั้นได้เห็น
กวีธรรม สอนพินิจ คิดให้เป็น
กวีธรรม ที่ได้เห็น นั้นส่องทาง…

…กวีธรรม นำเรื่องราว มาเล่าสู่
กวีธรรม บอกให้รู้ ถึงแบบอย่าง
กวีธรรม นั้นเตือนใจ ให้ละวาง
กวีธรรม คือแบบอย่าง เส้นทางธรรม…

อ่านเพิ่มเติม “กวีธรรมส่องนำทาง”

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๗๖

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๗๖…

…บางครั้งความคุ้นเคยและความเคยชิน มันอาจจะนำไปสู่ความหย่อนยาน จนกลายเป็นความขี้เกียจมักง่าย ถ้าเราไม่หมั่นตรวจสอบควบคุมจิตของเรา ไม่มีความรับผิดชอบต่อภาระหน้าที่ ข้อวัตรปฏิบัติ มันก็จะนำไปสู่ความเสื่อมถอยจิตคล้อยตามไปในกระแสโลก ออกห่างจากกระแสแห่งธรรม แต่ถ้าเรามีความมั่นคงมีศรัทธาที่หนักแน่น ตามดู ตามรู้ ตามเห็นจิตนั้นอยู่เสมอ ไม่พลั้งเผลอขาดสติและองค์แห่งคุณธรรมแล้วความเสื่อมย่อมไม่เกิดขึ้นแก่เรา ความเจริญในธรรมทั้งหลาย ก็จะบังเกิดขึ้นแก่ผู้ที่ปฏิบัติเช่นนั้น สิ่งสำคัญมันอยู่ที่จิตสำนึกแห่งการใฝ่ดี ว่าเรานั้นมีแล้วหรือยังและเราได้ทำในสิ่งนั้นแล้วหรือยัง…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๕…

รำพึงธรรมตามรายทาง บทที่ ๗๖

…รำพึงธรรมตามรายทาง บทที่ ๗๖…

…ว่างเว้นจากการเขียนบทกวีมาหลายวัน เพราะมีภารกิจที่ต้องเดินทางและทำงานอยู่ตลอดจึงเขียนแต่บทความซึ่งแฝงไว้ด้วยหลักธรรม การเขียนบทกวีนั้นบางครั้งเราต้องใช้อารมณ์ศิลปินเพื่อที่จะสร้างคำหรือภาษาที่สวยงาม ซึ่งต้องเวลาและอารมณ์ เป็นหลักในการประพันธ์บทกวี เมื่อได้พักกายพักจิต ทำชีวิตให้สบาย ทั้งภายนอกและภายใน ใจก็พร้อมที่จะทำงาน…

…การผ่อนคลายทางจิต โดยการปลดปล่อยความรู้สึกและความคิดไปสู่ท้องฟ้า มองหมู่เมฆที่เคลื่อนไปมาตามกระแสลม มองหมู่ดาวบนฟ้าในยามราตรีร้อยเรียงเรื่องราวมาเล่าเป็นบทกวี เป็นการพักผ่อนที่มีความสุขทั้งทางโลกและทางธรรม…

อ่านเพิ่มเติม “รำพึงธรรมตามรายทาง บทที่ ๗๖”