ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๐

…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๐…

…วันเวลาแห่งชีวิตของทุกคนนั้นสั้นลงทุกขณะทุกชีวิตกำลังเดินไปสู่ความตาย จะช้าหรือเร็วนั้นขึ้นอยู่กับเหตุและปัจจัยของแต่ละคนที่ได้ทำมา ซึ่งแตกต่างกันแต่ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วนั้น ทุกคนก็ไม่อาจจะหนีพ้นความตายไปได้เวลาที่เหลืออยู่ของชีวิตนั้นมันสั้นลงในทุกวินาทีที่ผ่านเลยไปจงใช้เวลาที่เหลืออยู่นั้นให้เป็นประโยชน์ต่อตนเองและสังคมให้มากที่สุดเท่าที่เรานั้นจะทำได้อย่าได้ปล่อยเวลาให้ผ่านไปเปล่าโดยไร้สาระ ทบทวนใคร่ครวญในสิ่งที่ผ่านมา ว่าเรานั้นได้สร้างได้ทำอะไรมาบ้างแล้ว เรามีความภาคภูมิใจในสิ่งที่เราได้สร้างได้ทำมาแล้วหรือไม่ ชีวิตนี้มีความทรงจำที่ดีเก็บไว้แล้วหรือยัง…

อ่านเพิ่มเติม “ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๐”

ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๙

…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๙…

…”ความสำเร็จของชีวิต อยู่ที่จิตคิดว่าพอ” คือพอเพียงและพอใจในสิ่งที่มีและในสิ่งที่เป็น พึงพอใจในอัตภาพของคนเองชีวิตที่เหลือคือการทำหน้าที่ของตนไปจนสิ้นอายุขัย ความสุขความสบายใจก็จะเกิดขึ้นแก่เขาเหล่านั้น เพราะว่าใจมันบอกว่า “พอแล้ว” …

อ่านเพิ่มเติม “ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๙”

ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๘

…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๘…

…หลักธรรมทั้ง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์นั้นจัดเรียงกันอย่างเป็นระเบียบเป็นหมวดหมู่ไม่มีการขัดแย้งกัน สงเคราะห์อนุเคราะห์เกื้อกูลรองรับซึ่งกันและกัน เราไม่อาจจะไปปรับหลักทั้ง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ให้มาตรงกับความคิดเห็นของเรานั้นได้แต่เราสามารถที่จะย้ายจุดยืนของเรานั้นให้ไปตรงกับหลักที่วางไว้ตั้งไว้ได้

อ่านเพิ่มเติม “ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๘”

ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๗

…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๗…

…ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ยากเกินความพยายามถ้าเรามีความตั้งใจจริง เราต้องทำให้เป็นจริงไม่ทอดทิ้งธุระ ต้องเอาชนะความเกียจคร้านความท้อแท้ท้อถอย และความยากลำบากอุปสรรคและปัญหา มีไว้ให้แก้ไข ไม่ใช่มีไว้เพื่อท้อถอย ต้องตั้งใจจริง แล้วความสำเร็จจะไม่ไกลเกินความพยายาม จงปลุกปลอบใจตัวเองอยู่เสมอว่า “เสียอะไรก็ได้ แต่อย่าให้ใจนั้นเสีย”

อ่านเพิ่มเติม “ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๗”

ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๖

…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๖…

…เวรกรรมมีจริง ไม่ต้องรอชาติหน้าเห็นผลได้ในชาตินี้ เราทำกรรมอะไรไว้มันจะส่งผลให้ไม่ช้าก็เร็ว ทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว ซึ่งเราต้องเตรียมตัวเตรียมใจอย่าหวั่นไหวและตื่นตกใจ อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด ให้มันเป็นไปตามกรรมที่เราได้ทำมา

อ่านเพิ่มเติม “ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๖”

ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๕

…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๕…

…ไม่มีคำว่าสายสำหรับการเริ่มต้นมันอยู่ที่ทุกคนจะคิดและทำหรือไม่อย่าได้น้อยใจและโทษวาสนาบารมีต่อว่าตัวเรานั้นว่าไม่ดีไม่มีอำนาจวาสนาเพราะว่าการทำอย่างนั้นเท่ากับการแช่งตัวเอง ขาดความศรัทธาเชื่อมั่นในการกระทำของตนเอง ซึ่งมันจะทำให้มีแต่ความเสื่อมถอยไม่มีความเจริญ…

อ่านเพิ่มเติม “ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๕”

ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๔

…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๔…

…ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ล้วนแต่สมมุติกันขึ้นมา บัญญัติกันตามชาติและภาษาจึงมีชื่อแตกต่างกันออกไป ไม่มีอะไรจะฝืนกฎของพระไตรลักษณ์ได้เลย ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมานั้น คือมายาของโลกสมมุติ ที่เราหลงไปติดอยู่ หลงเข้าไปยึดถือ จนไม่เห็นสัจธรรมที่แท้จริง ของสรรพสิ่งจากธรรมชาติที่อยู่รอบกายและภายในจิตภายในใจของเรา…

อ่านเพิ่มเติม “ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๔”

ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๓

…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๓…

…ทบทวนเรื่องราวหลากหลายของชีวิตที่ผ่านมาในอดีตทั้งที่เป็นฝ่ายกุศลและฝ่ายที่เป็นอกุศล ก่อนที่จะเข้าสู่เส้นทางสายธรรม วิเคราะห์หาเหตุและปัจจัยที่เป็นองค์ประกอบในสมัยนั้นที่มันเป็นไปเพราะอะไรเราจึงคิดและทำอย่างนั้นแล้วมองย้อนกลับมาสู่ปัจจุบัน จึงเห็นซึ่งความแตกต่างความแปรเปลี่ยนไปเมื่อก่อนนั้น จิตมันหยาบแข็งกระด้างเพราะอัตตาและมานะของเรายังไม่ถูกขัดเกลา จึงแน่นหนาไปด้วยกิเลสคือความรักโลภ โกรธ หลง ที่เข้าครอบงำจิตของเรา พฤติกรรมที่แสดงออกนั้นจึงก้าวร้าวรุนแรง ตอบโต้ทุกครั้งที่มีอะไรเข้ามากระทบจิต ไม่รู้จักความผิดชอบและชั่วดี ดำเนินชีวิตอยู่ในวิถีแห่งคนพาลสันดานหยาบ หมกมุ่นอยู่กับกิเลสตัณหาและอุปาทานโดยคิดว่ามันคือความสุขจากการที่ได้เสพในสิ่งที่ตอบสนองเหล่านั้น…

อ่านเพิ่มเติม “ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๓”

ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๒

..ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๒…

…ในยามที่จิตคิดฟุ้งซ่าน การเข้าไปจัดการความฟุ้งซ่านให้ดับลง ต้องใช้การน้อมใจมาดูจิต ดูความคิดทั้งหลายของเรา เอาจิตถามจิต ว่าทำไมต้องคิดต้องปรุงแต่งคิดแล้วได้อะไร คิดแล้วทำได้หรือไม่ สิ่งที่คิดนั้นเป็นกุศลหรือเป็นอกุศล คิดแล้วมีผลเป็นอย่างไรมีคุณหรือไม่ อะไรเป็นเหตุที่ทำให้คิดเอาจิตถามจิต หาคำตอบที่จิตของเราเองเอาจิตถามจิต จนเห็นที่เกิดของจิตคือเห็นต้นเหตุแห่งความคิด จึงจะเข้าใจในความคิด เข้าใจจิตและเข้าใจในธรรมซึ่งต้องหมั่นทำอยู่อย่างสม่ำเสมอ จนเกิดเป็นความเคยชินของจิต เมื่อมีสิ่งมากระทบและทำให้เกิดความคิด ทำให้จิตแปรเปลี่ยนไป ตามดู ตามรู้ ตามเห็น ให้ทันกับสิ่งเหล่านั้นที่เกิดขึ้น

อ่านเพิ่มเติม “ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๒”

ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๑

…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๑…

…อย่าดูหมิ่นว่าบุญเล็กน้อยไม่มีผลการสะสมบุญทำให้มีความสุขและเป็นที่พึ่งของตนในโลกหน้า ถ้าทำบุญช้าไป ใจจะยินดีในบาป…
…พุทธพจน์…

อ่านเพิ่มเติม “ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๑”