ทุกสิ่งทุกอย่างนั้น ล้วนมีที่มาและมีที่ไป

…ทุกสิ่งทุกอย่างนั้น ล้วนมีที่มาและมีที่ไป…

มีเหตุและปัจจัยในการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป มีการเสื่อมสลายไปตามกาลเวลา มิอาจจะตั้งอยู่ได้นานตลอดไป บุคคลจึงควรทำใจให้รับกับสภาพที่จะแปรเปลี่ยนไปทั้งหลายนั้นให้ได้ อย่าไปยึดติดมากเกินไปกับภาพแห่งอดีตทั้งหลายที่ได้จดจำมาเพราะกาลเวลานั้นได้ผ่านเลยไป สิ่งทั้งหลายย่อมแปรเปลี่ยนตาม ซึ่งเราไม่อาจห้ามไม่ให้มันเปลี่ยนแปลงไปไม่ได้ เพราะทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ย่อมเป็นไปตามกฎของพระไตรลักษณ์ คือความไม่เทียงแท้ที่นำมาให้เกิดความทุกข์ทั้งหลายเพราะไม่อาจจะเข้ายึดถือให้มันคงสภาพอยู่เช่นเดิมตลอดไปได้

อ่านเพิ่มเติม “ทุกสิ่งทุกอย่างนั้น ล้วนมีที่มาและมีที่ไป”

กระทู้ธรรม

…กระทู้ธรรม… (กาพย์ยานี ๑๑)

รวี…ที่เคยร้อน…มาเย็นอ่อนเพราะแสงธรรม
สัจจะ…ยังคงนำ…ในความคิดมิเปลี่ยนแปลง
ผู้ที่…เคยรู้จัก…ย่อมตระหนักในความแรง
ลดละ…เมื่อพบแสง…ความสว่างในทางธรรม
อัตตา…คือทิฏฐ…ที่ดำริให้ตกต่ำ
ความชั่ว…เข้าครอบงำ…เพราะตัณหานั้นพาไป
ความเลว…ที่พลาดผิด…เกิดจากจิตที่หลงใหล
ทั้งหลาย…เกิดจากใจ…ไม่มีธรรมมานำทาง
ขอบคุณ…ศาสนา…ที่นำพาแสงสว่าง
ธรรมะ…สอนละวาง…ออกจากห้วงแห่งวังวน
ช่วยเตือน…จิตสำนึก…ความรู้สึกและเหตุผล
สติ…รู้ทั่วตน…ก้าวเดินไปในสายธรรม…
…รวีสัจจะผู้ที่ลดละอัตตาความชั่วความเลวทั้งหลาย
ขอบคุณธรรมะช่วยเตือนสติ…

…ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร…
…๖ ธันวาคม ๒๕๕๔…

รำพึงธรรม ผ่านสายลม ใต้ร่มไม้ บนภูผา

…รำพึงธรรม ผ่านสายลม ใต้ร่มไม้ บนภูผา…

…อดทน หมั่นฝึกฝน หมั่นฝึกตน ให้เคยชิน
การอยู่ และการกิน ให้เรียบง่าย ไม่วุ่นวาย
เรียบง่าย ไร้รูปแบบ แต่อิงแอบ ด้วยความหมาย
สาระ มีมากมาย ไม่ยึดติด รูปแบบกัน
เรียบง่าย ไม่มักง่าย คือความหมาย ในตัวฉัน
สาระ เป็นสำคัญ ที่มุ่งหมาย ให้มันมี
เรารู้ อยู่แก่จิต ถ้าพินิจ ให้ถ้วนถี่
ที่คิด และที่มี ต่างก็รู้ อยู่แก่ใจ
อยู่ที่ จิตสำนึก ความรู้สึก จากข้างใน
มากน้อย ขนาดไหน สิ่งที่คิด กิจที่ทำ
ชั่วดี ใจนั้นรู้ มันขึ้นอยู่ กับเวรกรรม
อยู่ที่ คุณธรรม มีหรือไม่ ในใจตน
รู้ชั่ว ก็ควรละ ใช้ตรรกะ และเหตุผล
รู้ดี มีอดทน รักษาไว้ ให้ยืนยาว
เรื่องมาก มันมากเรื่อง ให้ขุ่นเคือง ทุกเรื่องราว
ทำใจ สะอาดขาว ว่างกิเลส และอัตตา
มองสิ่ง ที่มันเป็น มองให้เห็น ซึ่งเนื้อหา
ฝึกฝน เริ่มต้นมา จากความคิด ด้วยจิตใจ
รอคอย อย่างอดทน หมั่นฝึกฝน กันต่อไป
ยาวนาน ขนาดไหน อย่าได้ท้อ จงรอคอย
ขันติ ความอดทน หมั่นฝึกฝน มิท้อถอย
สิ่งหวัง ตั้งใจคอย ความสำเร็จ ใช้เวลา…

…เชื่อมั่น-ศรัทธา-ปรารถนนาดี-ด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร-คนรอนแรม…
…๖ ธันวาคม ๒๕๕๔…

การปฏิบัติธรรมนั้น มันคล้ายกับการปลูกต้นไม้

…กล่าวบอกแก่ผู้คนที่มาหาเพื่อสนทนาธรรมเสมอว่า…

…การปฏิบัติธรรมนั้น มันคล้ายกับการปลูกต้นไม้ ผู้ปลุกต้องมีความอดทนที่จะรอให้เห็นผล เฝ้าดูการเจริญเติบโตของต้นไม้นั้นรอจนถึงวันที่มันแตกดอกออกผล ให้เราได้ชม ได้ใช้หรือได้กินซึ่งทั้งหมดทั้งสิ้นนั้น มันต้องใช้ระยะเวลาแห่งการเฝ้ารอคอยหมั่นดูแลและบำรุงรักษา มิให้ต้นไม้นั้นมีอันตรายจากสิ่งที่จะมารบกวนส่วนการเจริญเติบโตของต้นไม้นั้น มันเป็นไปตามกาลเวลาและอายุของมัน

อ่านเพิ่มเติม “การปฏิบัติธรรมนั้น มันคล้ายกับการปลูกต้นไม้”

ฝากธรรมะ ผ่านสายลม ในยามเช้าที่หนาวเหน็บ

…ฝากธรรมะ ผ่านสายลม ในยามเช้าที่หนาวเหน็บ…

…รุ่งอรุณ วันใหม่ ฟ้าใสสด
ฟ้างามงด ด้วยแสงทอง ที่ส่องฉาย
ลมอ่อนอ่อน พัดผ่าน ให้สบาย
ปลุกใจกาย ให้ตื่น รับตะวัน

…เมื่อแสงเงิน แสงทอง ส่องขอบฟ้า
เหล่าวิหก นกกา ต่างสุขสันต์
ต่างส่งเสียง สื่อสาร ประสานกัน
ต้อนรับวัน ฟ้าใหม่ ที่ใกล้มา

…บรรยากาศ เป็นใจ ให้เหมาะสม
ฝากสายลม ผ่านร่มไม้ จากภูผา
ร่ายกวี สุนทร เป็นกลอนมา
ส่งฝากฟ้า ผ่านสายลม ให้ชมกัน

…ชีวิตนี้ มีอะไร มากมายนัก
หากรู้จัก ค้นคิด จิตสร้างสรรค์
ไม่ปล่อยเปล่า ล่วงไป ในคืนวัน
อย่าให้มัน ผ่านไป โดยไร้การ

…จงทบทวน ถึงชีวิต ที่ผ่านมา
จะได้เห็น คุณค่า มหาศาล
จงเก็บเกี่ยว สิ่งที่พบ ประสพการณ์
สิ่งที่ผ่าน มาพินิจ คิดใคร่ครวญ

…เพื่อจะเดิน ก้าวไป สู่ข้างหน้า
วันเวลา ผ่านไป ไม่กลับหวน
ทำอะไร ให้ใจรู้ สิ่งคู่ควร
จงทบทวน ฝึกจิต คิดให้เป็น

…จงรู้จัก แยกแยะ ดีและชั่ว
สิ่งที่ตัว นั้นได้รู้ และได้เห็น
สิ่งที่ทำ สิ่งที่คิด จิตที่เป็น
มองให้เห็น ตัวตน ค้นให้เจอ

…มีสติ รู้ตัว อยู่ทั่วพร้อม
มีใจน้อม สู่ธรรม ไม่พลั้งเผลอ
รู้เท่าทัน กับจิต เมื่อเจอะเจอ
รู้เสมอ รู้ทัน กับอารมณ์

…รู้อะไร ก็ไม่สู้ เท่ารู้จิต
รู้ความคิด สิ่งผิด จิตนั้นข่ม
อะไรดี อะไรชอบ จงชื่นชม
ฝึกอบรม ข่มจิต ให้คิดดี…

…ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร…
…๖ ธันวาคม ๒๕๕๔…

วันเวลาแห่งชีวิตของทุกคนนั้นสั้นลง

…วันเวลาแห่งชีวิตของทุกคนนั้นสั้นลงทุกขณะทุกชีวิตกำลังเดินไปสู่ความตาย ช้าหรือเร็วนั้นขึ้นอยู่กับเหตุและปัจจัยของแต่ละคนที่ทำมา ซึ่งแตกต่างกันแต่ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วนั้น ทุกคนก็ไม่อาจจะหนีความตายเวลาที่เหลืออยู่ของชีวิตนั้นมันสั้นลงทุกวินาทีที่ผ่านเลยไปจงใช้เวลาที่เหลืออยู่นั้นให้เป็นประโยชน์ต่อตนเองและสังคมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่าได้ปล่อยเวลาให้ผ่านไปเปล่าโดยไร้สาระ ทบทวนใคร่ครวญในสิ่งที่ผ่านมา ว่าเรานั้นได้สร้างได้ทำอะไรมาบ้างแล้ว เรามีความภาคภูมิใจในสิ่งที่เราได้สร้างได้ทำมาแล้วหรือไม่ ชีวิตนี้มีความทรงจำที่ดีเก็บไว้แล้วหรือยัง “ดูหนังดูละคร แล้วจงย้อนมาดูตัว”

อ่านเพิ่มเติม “วันเวลาแห่งชีวิตของทุกคนนั้นสั้นลง”

…ระลึกธรรมคำของหลวงพ่อในยามดึก

…ระลึกธรรมคำของหลวงพ่อในยามดึก…

…“พราก จิต ออกมาเสียจากเครื่องห่อหุ้มทั้งปวง”

… ไม่มีอะไรนอกไปจาก “จิต”
ในบรรดาสิ่งที่เรียกว่า “โลก” นี้
เพราะ“จิต”เท่านั้น ที่จะรู้สึกต่อสิ่งนั้นแล้วสิ่งนั้น มันรู้สึกทาง “จิต” ไม่มีอะไรที่จะรู้สึกได้นอกจากทาง “จิต” เขาจึงพูดอย่างรวบรัดทั้งหมดโดยสิ้นเชิงว่า … ไม่มีอะไรในโลกนี้ นอกจากสิ่งที่ “จิต” รู้ ถ้าไม่มี “จิต” เสียอย่างเดียว “โลก” นี้ก็ไม่มี …
…พุทธทาสภิกขุ
ที่มา : ธรรมบรรยาย “สติปัฏฐาน ๔ ประยุกต์”
เมื่อ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๑๙…

อ่านเพิ่มเติม “…ระลึกธรรมคำของหลวงพ่อในยามดึก”

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล ปัจฉิมบท

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล ปัจฉิมบท…

…“ทุกข์ไม่มา ปัญญาไม่มี บารมีไม่เกิด” เป็นคำสอนที่กล่าวกันมานานแล้วและเป็นความจริงมาตลอด เพราะว่ามนุษย์เรานั้นในยามที่มีความสุขมักจะหลงเพลิดเพลินลืมคิดถึงธรรม ดั่งที่เคยเขียนโศลกธรรมบทหนึ่งไว้ว่า “ตราบใดที่ยังมีหนทางไปใจย่อมไม่นึกถึงพระธรรม แต่เมื่อคุณชอกช้ำพระธรรมคือที่พึ่งสำหรับคุณ”

…และโศลกธรรมอีกบทหนึ่งที่เขียนไว้ว่า “เมื่อยังไม่ถึงกาลเวลาที่เหมาะสม จิตย่อมเข้าไม่ถึงธรรม จึงยากที่จะอธิบายให้เข้าใจได้อดทนรอให้เขามีความพร้อมจึงกล่าวธรรม”

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล ปัจฉิมบท”

รำพึงธรรมตามรายทาง ปัจฉิมบท

…รำพึงธรรมตามรายทาง ปัจฉิมบท…

…ย้ำเตือนตนอยู่ตลอดว่า จงทำตนให้เป็นคนเลี้ยงง่าย มีกิจวัตรประจำวันที่เรียบง่าย ใจก็จะโปร่งสบาย ทำให้การเจริญสติภาวนาปฏิบัติจึงทำได้ง่าย สมาธิก็จะเกิดขึ้นได้ง่ายความวุ่นวายก็น้อยลง ความกังวลยึดติดก็จะเบาบางลง…

…อย่าไปวุ่นวายใจกับคำนินทา เราไม่เก็บคำนินทามาคิด จิตเราก็จะสบาย คำติฉินนินทานั้นคือยาชูกำลัง ที่จะยับยั้งไม่ให้เราหลงระเริง คำนินทานั้นคือสิ่งที่กระตุ้นเตือนตัวเรา เขาติดีกว่าเขาชม ทำให้เรารู้ตัวว่าเขาคิดอย่างไรกับเรา ซึ่งถ้าเราอย่างที่เขานินทานั้น เราก็จะได้รู้และจะได้ปรับปรุงแก้ไข แล้วเราจะไปโกรธเขาทำไม ซึ่งถ้าเราไปโกรธเขาก็เท่ากับว่าเรานั้นกำลังแพ้ภัยกิเลสในใจของเรานั้นเอง…

อ่านเพิ่มเติม “รำพึงธรรมตามรายทาง ปัจฉิมบท”

ระลึกพุทธสุภาษิตธรรม ย้ำเตือนตน

…ระลึกพุทธสุภาษิตธรรม ย้ำเตือนตน…

…ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! เธอจงมองดูโลกนี้ โดยความเป็นของว่างเปล่า มีสติอยู่ทุกเมื่อ ถอนอัตตานุทิฏฐิ คือ ความยึดมั่นถือมั่นเรื่องตัวตนเสียด้วยประการฉะนี้ เธอจะเบาสบายคลายทุกข์คลายกังวล ไม่มีความสุขใดยิ่งใหญ่ไปกว่าการปล่อยวางและการสำรวมตนอยู่ในธรรม…

…วิถีทางแห่งวิถีธรรม…

๐ ตะวันรอน อ่อนแสง แรงอ่อนล้า
เก็บรักษา พลังงาน เพื่อกาลใหม่
ปล่อยให้วัน เวลา เคลื่อนคลาไป
กำหนดใจ กำหนดจิต คิดถึงธรรม

๐ เกิดเบื่อหน่าย จางคลาย ในกายนี้
ล้วนสิ่งที่ ปฏิกูล ดูน่าขำ
เพราะโมหะ อวิชชา เข้าครอบงำ
จึงถลำ ยึดติด ในตัวตน

๐ ก่อกำเนิด เกิดอัตตา ตัวมานะ
ไม่ยอมละ ยอมวาง จึงสับสน
เพราะโมหะ จริต จิตมืดมน
หลงตัวตน อย่างที่เห็น และเป็นมา

๐ เมื่อยอมละ ยอมวาง จิตว่างโปร่ง
ก็เบาโล่ง สุขสบาย ไร้ปัญหา
เมื่อลดละ มานะ ตัวอัตตา
อวิชชา ก็สลาย จางคลายไป…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม…
…๙ มิถุนายน ๒๕๖๕…