กระจกหกด้าน

…กระจกหกด้าน…

๐ มองอะไร มองไป ให้ทุกด้าน
ธรรมประสาน ในจิต เพื่อคิดใหม่
มองทั้งดี ทั้งร้าย คู่กันไป
มองโดยใช้ เหตุผล เป็นต้นทุน

๐ ใช้เหตุผล หักล้าง ในทางก่อ
แล้วเติมต่อ ใช้ธรรมะ มาเกื้อหนุน
ละความชอบ ส่วนตัว ที่เจือจุน
คิดถึงบุญ กุศล เป็นหนทาง

๐ สมเด็จโต กล่าวไว้ ในครั้งก่อน
ท่านได้สอน ให้มอง ทั้งสองอย่าง
เอากระจก หกด้าน เป็นแนวทาง
มองทุกอย่าง ให้เห็น ความเป็นจริง

๐ เมื่อเห็นธรรม เข้าใจธรรม จงทำต่อ
ธรรมนั้นหนอ จะประสาน ในทุกสิ่ง
สัจธรรม นั้นหรือ คือความจริง
สรรพสิ่ง คือธรรม ที่นำทาง

๐ มองทุกสิ่ง เป็นธรรม นำความคิด
ทั้งถูกผิด ให้เห็น เป็นแบบอย่าง
มองให้เห็น มองให้รอบ ไปทุกทาง
มองทุกอย่าง โดยสติ แล้วตริตรอง

๐ ในโลกนี้ มีทั้งมืด และสว่าง
ทั้งสองอย่าง คิดไว้ ในสมอง
ก่อนจะทำ ควรคิด และตริตรอง
อย่าได้ลอง ทำไป ใช้อารมณ์

๐ จงครวญคิด พินิจ และศึกษา
ไตร่ตรองมา ให้เห็น เป็นเหมาะสม
อย่าทำไป ด้วยว่า ค่านิยม
จงชื่นชม คุณธรรม ทำให้ดี

๐ ตามจังหวะ เวลา และโอกาส
อย่าประมาท ทำไป ให้ถูกที่
ถูกบุคคล ถูกสถาน ถูกวิธี
จงทำดี ให้ถูกดี จงมีธรรม…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม…
…๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๕…

ปฐมบทบันทึกไว้เพื่อความทรงจำ

…ปฐมบทบันทึกไว้เพื่อความทรงจำ…

…เหมือนทุกปีที่ผ่านมา เมื่อถึงฤดูกาลเข้าพรรษา ก็จะเขียนบันทึกความทรงจำตลอดกาลพรรษา โดยจะตั้งชื่อเพื่อเป็นชุด ๆ ไปในแต่ละพรรษา ซึ่งในปี ๒๕๖๔ นี้ใช้ชื่อว่า “บันทึกไว้เพื่อความทรงจำ” เพื่อบันทึกเรื่องราวในแต่ละวันที่ผ่านไปทั้งในเรื่องของทางโลกและทางธรรมเป็นทั้งบทความและบทกวี…

๐ ร้อยเรียงเขียนเรื่องราว
เพื่อบอกกล่าวซึ่งหลักธรรม
เขียนมาเป็นประจำ
ทุกเช้าค่ำตามเวลา

๐ เพียงหวังนำเสนอ
เมื่อได้เจอผู้ใฝ่หา
แลกเปลี่ยนสนทนา
และศึกษาซึ่งหลักธรรม

อ่านเพิ่มเติม “ปฐมบทบันทึกไว้เพื่อความทรงจำ”

รำพึงธรรมและคำกวีในยามดึก

…รำพึงธรรมและคำกวีในยามดึก…

…ย้ำเตือนอยู่เสมอว่า “จงเป็นเพียงสายลมที่พัดผ่านกาลเวลา ผ่านมาแล้วก็จากไป ทิ้งไว้เพียงความทรงจำที่งดงามตามรายทาง”…

…เป็นกรรมกรธรรม ใช้โยธากัมมัฏฐานเพื่อเป็นการเจริญสติและสัมปชัญญะยังให้เกิดประโยชน์ตน ประโยชน์ท่านเป็นลดละซึ่งมานะและอัตตา ความโลภความหลงในโลกธรรม ๘ อันเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ ดำเนินชีวิตไปตามวิถีทางที่มุ่งหวัง เป็นไปเพื่อให้ความเจริญในธรรมนั้นบังเกิด ชีวิตที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ มันก็คือกำไรของชีวิต…

…อ้อมกอด ของขุนเขา
ใต้ร่มเงา พงพนา
ทบทวน สิ่งผ่านมา
ระลึกรู้ ในทางธรรม

…สร้างงาน และสร้างคน
บุญกุศล นั้นเลิศล้ำ
เกิดจาก กุศลกรรม
ในอดีต ให้เป็นไป

…เหนื่อยกาย แต่ใจสุข
ใจไม่ทุกข์ จิตแจ่มใส
ปีติ หล่อเลี้ยงใจ
ให้สำเร็จ จนเสร็จงาน

อ่านเพิ่มเติม “รำพึงธรรมและคำกวีในยามดึก”

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๘๐

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๘๐…

…ถ้าจิตใจเศร้าโศกไม่เบิกบานร่าเริงแล้วความเป็นมงคลทั้งหลายก็จะหายไปหมดแต่ถ้าจิตใจไม่เศร้าโศก มีแต่ความร่าเริงแจ่มใสเกษมสำราญ ความเป็นมงคลทั้งหลายก็จะปรากฏขึ้น ดั่งคำที่ว่า “จิตดีกายเด่น จิตด้อย กายดับ” เมื่อจิตใจเป็นกุศลความเป็นมงคลทั้งหลายก็จะเกิดขึ้น…

…รำพึงธรรมคำกวีกาพย์ยานี ๑๑…

…มองหา ก็มองเห็น
ซึ่งความเป็น ในโลกนี้
หลายหลาก และมากมี
ได้พบเห็น เป็นประจำ

…เห็นแล้ว เก็บมาคิด
มาพินิจ ให้เห็นธรรม
ก่อเกิด กุศลกรรม
รู้เข้าใจ ในความจริง

…ทุกสิ่ง นั้นเคลื่อนไหว
แปรเปลี่ยนไป ในทุกสิ่ง
ไม่เคย จะหยุดนิ่ง
ล้วนเกิดดับ ธรรมดา

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๘๐”

รำพึงธรรมตามรายทาง บทที่ ๘๐

…รำพึงธรรมตามรายทาง บทที่ ๘๐…

…เมื่อก่อนนั้นจิตมันหยาบแข็งกระด้างเพราะอัตตาและมานะของเรานั้นยังไม่ถูกขัดเกลา จึงหนาแน่นไปด้วยกิเลสและตัณหา ปล่อยให้โทสะ โมหะเข้าครอบงำ พฤติกรรมที่แสดงออกมาจึงก้าวร้าวรุนแรง แต่เมื่อได้เข้ามาศึกษาปฏิบัติธรรมแล้ว ความรู้สึกนึกคิดจิตก็เปลี่ยนไป ทำให้เรารู้เห็นอะไร ๆ มากขึ้น รู้จักผิดชอบชั่วดี มีสติสัมปชัญญะในการดำรงชีวิต มีความคิดที่เป็นระบบมากขึ้น รู้จักการใคร่ครวญ ทบทวนพิจารณา หาซึ่งเหตุและผลของเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น รู้จักการข่มจิตข่มใจต่อส่งยั่วยวน ควบคุมความรู้สึกนึกคิดของเราได้ มีเป้าหมายในการดำเนินชีวิตจิตน้อมเข้าหากุศลธรรม ดำรงตนอยู่ในกรอบของพระธรรมวินัย

อ่านเพิ่มเติม “รำพึงธรรมตามรายทาง บทที่ ๘๐”

๑ กันยายน ร่วมรำลึกและไว้อาลัยแด่ สืบ นาคะเสถียร

…๑ กันยายน ร่วมรำลึกและไว้อาลัยแด่ สืบ นาคะเสถียร…

…ตำนานนักอนุรักษ์ไทย ผู้รักป่าไม้ สัตว์ป่าและธรรมชาติ ด้วยชีวิตและจิตวิญญาณ วันที่ ๑ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๔ นี้ครบรอบการจากไป ๓๑ ปี ของสืบ นาคะเสถียร ผู้ยอมสละชีวิตเพื่อปลุกจิตสำนึกให้รักษ์ป่า

…ขอสดุดีและร่วมไว้อาลัยแด่คนกล้า ตำนานแห่งห้วยขาแข้ง สืบ นาคะเสถียร…

๐ วันที่หนึ่ง กันยา คราสามสาม
เวลายาม เช้าตรู่ ของวันใหม่
เสียงปืนดัง แว่วมา จากแนวไพร
“สืบ” จากไป ทิ้งไว้ ความทรงจำ

๐ สละชีพ เพื่อปลุก จิตสำนึก
ให้รู้สึก รักษ์ป่า ใช่น่าขำ
โลกจารึก ถึงสิ่ง ที่ “สืบ” ทำ
วีรกรรม คนกล้า ห้วยขาแข้ง

๐ พินัยกรรม ทำไว้ หกฉบับ
พร้อมกำชัย สั่งเสีย ประกาศแจ้ง
ให้ร่วมมือ ร่วมใจ และร่วมแรง
รักษาห้วย ขาแข้ง ให้ยืนยง

อ่านเพิ่มเติม “๑ กันยายน ร่วมรำลึกและไว้อาลัยแด่ สืบ นาคะเสถียร”

ปรารภธรรมในยามเย็นหลังเลิกงาน

…ปรารภธรรมในยามเย็นหลังเลิกงาน…

…ขอบคุณธรรมชาติรอบกายทั้งหลายที่เป็นครูผู้สอนธรรม น้อมนำให้จิตได้คิดและพิจารณาในสิ่งที่ผ่านมาและสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ให้มีสติระลึกรู้และความรู้ตัวทั่วพร้อม น้อมจิตเข้าสู่การปฏิบัติ ขจัดความคิดที่เป็นอวิชชาทั้งหลายให้จางคลายและหายไปเรียนรู้ในสิ่งใหม่

…เข้าใจในปัจจุบันธรรมมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่ความคิดที่เกิดจากจิตปรุงแต่งแต่เป็นสภาวะรู้ที่เกิดในขณะที่จิตนั้นว่าง เมื่อเราละวางความคิดทั้งหลาย

…ระลึกนึกถึงคำกล่าวของครูบาอาจารย์ที่ท่านได้กล่าวสอนไว้ว่า “เมื่อหยุดคิดหยุดปรุงแต่งและวางทุกสิ่งลงได้ ทั้งสิ่งที่รู้และสิ่งที่ถูกรู้ทั้งปวง สัจธรรมจริงแท้ก็จะปรากฏขึ้นมาให้รู้เห็นเอง”

…มันเป็นเช่นนี้เอง….

อ่านเพิ่มเติม “ปรารภธรรมในยามเย็นหลังเลิกงาน”

รำพึงในยามเย็นที่ริมสระน้ำ

…รำพึงในยามเย็นที่ริมสระน้ำ…

…อาจจะเป็นอุปนิสัยที่สั่งสมมาจากอดีต จึงมีวิถีชีวิตที่ไม่ค่อยจะเหมือนชาวบ้านเขา เป็นคนที่ไร้นิยาม คือหาคำจัดความไม่ได้ รักอิสระ รักความถูกต้องและความยุติธรรม คือที่มาของคำว่า “เรียบง่าย แต่ไม่มักง่ายไร้รูปแบบ แต่ไม่เคยไร้ซึ่งสาระ”

…เส้นทางที่เลือกเดินนั้นเรียบง่ายไร้รูปแบบ ไม่ได้สร้างภาพเพื่อหวังศรัทธา ทุกอย่างที่ได้แสดงออกมาให้ปรากฏ นั้นคือตัวตนที่แท้จริงระลึกถึงบทกวีธรรมของหลวงพ่อพุทธทาสที่ท่านได้กล่าวไว้ว่า… “ใครชอบใครชังชั่งเขา ใจเราร่มเย็นเป็นพอ” รู้ในสิ่งที่คิดและรู้ในกิจที่ทำซึ่งบางครั้งนั้นอาจจะไม่เป็นที่ถูกใจของเหล่าผู้โลกสวยและพวกดัดจริตชน…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม…
…๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๕…

ใคร่ครวญธรรมในยามค่ำคืน

…ใคร่ครวญธรรมในยามค่ำคืน…

…เมื่อเราได้มีเวลาทบทวนพิจารณาสิ่งที่ผ่านมาในอดีตของเรา ทำให้เราได้เห็นความประมาท ความผิดพลาดในการดำเนินชีวิตของเราที่ผ่านมาเราไปติดอยู่เพลินอยู่กับความสะดวกสบาย ในสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหลายทำให้เราไม่เห็นทุกข์คลุกคลีกับหมู่คณะเกินไป จนทำให้การปฏิบัติย่อหย่อน ซึ่งเมื่อเราได้พิจารณาและเห็นในสิ่งนั้น เห็นในความประมาทและผิดพลาดของตัวเรา

…จึงทำให้เราระลึกได้ในหลักธรรมเรื่อง “อัตตา ตัวกู ของกู” ที่เคยได้ศึกษามา เพราะว่าอัตตานั้น มันจะบดบังสัจธรรมที่แท้จริง เราต้องเปิดโลกทัศน์ ชีวะทัศน์ ทำลายอัตตาลบภาพมายาทั้งหลายให้หายไปแล้วเราจะได้พบกับ “สัจธรรม”ธรรมชาติของจิตที่แท้จริง…

อ่านเพิ่มเติม “ใคร่ครวญธรรมในยามค่ำคืน”

รำพึงธรรมตามรายทาง บทที่ ๗๙

…รำพึงธรรมตามรายทาง บทที่ ๗๙…

…อารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้นแม้นเพียงน้อยนิด แต่ถ้าเรานั้นขาดการพิจารณาเผลอสติเข้าไปปรุงแต่งคล้อยตามอารมณ์ที่เกิดขึ้นนั้น มันเหมือนกับการไปเพิ่มกำลังให้มัน เพลิดเพลินไปกับการปรุงแต่งเหล่านั้นที่เป็นอกุศลจิต มันก็ก่อให้เกิดการสร้างภพสร้างชาติใหม่ขึ้นมาไม่รู้จักจบสิ้น เพราะการปรุงแต่งทำให้มี ทำให้เป็นนั้น

…เราจึงควรมีสติ รู้เท่าทันอารมณ์ที่เกิดขึ้นพิจารณาแยกแยะออกให้ได้ ถึงความเป็นกุศลจิตและความเป็นอกุศลจิต ให้เห็นคุณเห็นโทษ เห็นประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ของอารมณ์เหล่านั้น ตามดูตามรู้ให้เท่าทันในความคิดที่เกิดขึ้นทั้งหลาย ด้วยการเจริญสติพิจารณา ก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติธรรม…

อ่านเพิ่มเติม “รำพึงธรรมตามรายทาง บทที่ ๗๙”