…รำพึงธรรมตามรายทาง บทที่ ๙๔…
…ผู้ชี้ขุมทรัพย์…
…อานนท์ ! เราไม่พยายามทำ
กะพวกเธอ อย่างทะนุถนอม
เหมือนพวกช่างหม้อ ทำแก่หม้อ
ที่ยังเปียก ยังดิบอยู่
อานนท์ ! เราจักขนาบแล้ว
ขนาบอีก ไม่มีหยุด
อานนท์ ! เราจักชี้โทษแล้ว
ชี้โทษอีก ไม่มีหยุด
ผู้ใดมีมรรคผลเป็นแก่นสาร
ผู้นั้นจักทนอยู่ได้…
อุปริ. ม. ๑๔/๒๔๕/๓๕๖.
…คนเรา ควรมองผู้มีปัญญาใด ๆ
ที่คอยชี้โทษ คอยกล่าวคำขนาบ
อยู่เสมอไป ว่าคนนั้นแหละคือ
ผู้ชี้ขุมทรัพย์ ควรคบบัณฑิต
ที่เป็นเช่นนั้น เมื่อคบหากับ
บัณฑิตชนิดนั้นอยู่ ย่อมมีแต่ดี
ท่าเดียว ไม่มีเลวเลย…
ธ. ขุ. ๒๕/๒๕/๑๖.
…กล่าวธรรมย้ำเตือนตนอยู่เสมอว่าอย่าเอาตัณหาของตัวเรานั้น ไปยัดเยียดให้ผู้อื่นเขาตอบสนองตัณหาของตัวเรา จงกล่าวธรรมเพื่อธรรม กล่าวธรรมโดยธรรม ให้เป็นไปตามธรรมแล้วจะบังเกิดความเจริญในธรรม..เมื่อยังไม่ถึงกาลเวลาที่เหมาะสมจิตย่อมเข้าไม่ถึงธรรม จึงยากที่จะอธิบายธรรม บรรยายธรรมให้เข้าใจได้ อดทนรอให้เขาพร้อม จึงกล่าวธรรม…
…เพราะว่าคนเรานั้น เมื่อยังมีหนทางไป ใจย่อมไม่นึกถึงธรรมแต่ในยามที่ต้องชอกช้ำ หมดสิ้นหนทางไปใจย่อมแสวงหาที่พึ่งพระธรรมจึงเป็นตัวเลือกหนึ่ง เพื่อเป็นที่พึ่งทางใจ…
…กาลเวลานั้นหมุนเวียนเปลี่ยนไปไม่มีการสิ้นสุดแต่จิตของมนุษย์นั้นสิ้นสุดได้ เมื่อรู้จักพอ…
…จงเป็นผู้ให้ อย่าได้เป็นผู้ร้องขออย่านั่งรอ นอนรอ โอกาสวาสนาจงเพียรเสาะแสวงหา สร้างบุญบารมี สะสมความดีให้แก่ตนเพื่อให้เป็นเหตุเป็นปัจจัยในภายภาคหน้า เพราะสิ่งนั้นจะนำมาซึ่งวาสนาบารมี…
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๔ มิถุนายน ๒๕๖๕…