ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๗

…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๗…

…ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ยากเกินความพยายามถ้าเรามีความตั้งใจจริง เราต้องทำให้เป็นจริงไม่ทอดทิ้งธุระ ต้องเอาชนะความเกียจคร้านความท้อแท้ท้อถอย และความยากลำบากอุปสรรคและปัญหา มีไว้ให้แก้ไข ไม่ใช่มีไว้เพื่อท้อถอย ต้องตั้งใจจริง แล้วความสำเร็จจะไม่ไกลเกินความพยายาม จงปลุกปลอบใจตัวเองอยู่เสมอว่า “เสียอะไรก็ได้ แต่อย่าให้ใจนั้นเสีย”

อ่านเพิ่มเติม “ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๗”

บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๕๑

…บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๕๑…

…เมื่อใจนั้นยอมรับซึ่งความจริงในสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหลาย ว่าเรานั้นเป็นผู้กระทำสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นผลแห่งวิบากกรรมที่เรานั้นได้เคยกระทำมา ไม่โทษดินโทษฟ้า หาผู้รับผิดมาแทนเรา ใจนั้นก็จะโปร่งโล่งเบาเพราะได้วางจากการยึดถือทั้งหลาย ความทุกข์ที่มีนั้นก็จะคลายและเมื่อใจสบาย ความคิดนั้นก็จะโปร่งโล่งเบา เพราะว่าเข้าใจในปัญหาอุปสรรคทั้งหลายที่เกิดขึ้นและเมื่อทำใจยอมรับได้ซึ่งความเป็นจริงอุปสรรคปัญหาในทุกสิ่งนั้นย่อมจะมีหนทางที่จะแก้ไข อยู่ที่ว่าเรานั้นทำใจได้แล้วหรือยัง…

…กวีธรรมจากรอยทาง…

๐ รอนรอนตะวันลับ
เสียงนกขับกังวานมา
ใกล้ค่ำสนธยา
หมู่นกกาบินกลับรัง

อ่านเพิ่มเติม “บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๕๑”

บันทึกไว้เพื่อความทรงจำ บทที่ ๗๒

…บันทึกไว้เพื่อความทรงจำ บทที่ ๗๒…

… “ทำงานทุกชนิดให้จิตนั้นอยู่กับธรรม” คือพิจารณาทุกสิ่งทุกอย่างด้วยหลักธรรม ให้มีสติระลึกรู้และความรู้ตัวทั่วพร้อมอยู่ตลอดเวลา รู้จักแยกแยะถูกผิด ชั่วดี รู้จักข่มจิตข่มใจไม่คล้อยตามกิเลส คือความอยากทั้งหลายที่เป็นอกุศล มีความละอายและเกรงกลัวต่อบาปคุ้มครองจิตอยู่ทุกขณะทำหน้าที่ของตน

อ่านเพิ่มเติม “บันทึกไว้เพื่อความทรงจำ บทที่ ๗๒”

ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๑๗

…ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๑๗…

…เพียงคุณเปลี่ยนมุมมองและพฤติกรรมของชีวิต ชีวิตคุณก็จะเปลี่ยนไป ดังที่เคยกล่าวไว้เสมอว่า “ถึงจะเปลี่ยนชื่อใหม่สักร้อยครั้ง แต่ถ้ายังไม่เปลี่ยนพฤติกรรมและความคิด ชีวิตก็ยากที่จะประสพกับความสำเร็จ” ความขี้เกียจ มักง่าย ไร้จิตสำนึกไร้จินตนาการ คือหนทางแห่งความเสื่อมของชีวิต ยากต่อการที่จะชี้แนะส่งเสริมหรือให้การสนับสนุนให้ประสพกับความสำเร็จในชีวิตได้…

อ่านเพิ่มเติม “ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๑๗”

ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๖

…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๖…

…เวรกรรมมีจริง ไม่ต้องรอชาติหน้าเห็นผลได้ในชาตินี้ เราทำกรรมอะไรไว้มันจะส่งผลให้ไม่ช้าก็เร็ว ทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว ซึ่งเราต้องเตรียมตัวเตรียมใจอย่าหวั่นไหวและตื่นตกใจ อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด ให้มันเป็นไปตามกรรมที่เราได้ทำมา

อ่านเพิ่มเติม “ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๖”

บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๕๐

…บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๕๐…

…เมื่อใจนั้นยอมรับซึ่งความจริงในสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหลายว่าเรานั้นเป็นผู้กระทำสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นผลแห่งวิบากกรรมที่เรานั้น ได้เคยกระทำมา ไม่โทษดินโทษฟ้า หาผู้รับผิดมาแทนเรา ใจนั้นก็จะเบา เพราะว่าได้วางจากการยึดถือทั้งหลาย ความทุกข์ที่มีนั้นก็จะคลายและเมื่อใจสบาย ความคิดนั้นก็จะโปร่งโล่งเบา เพราะว่าเข้าใจในปัญหาและอุปสรรคทั้งหลายที่เกิดขึ้นและเมื่อทำใจยอมรับได้ซึ่งความเป็นจริง อุปสรรคปัญหาในทุกสิ่งนั้นย่อมจะมีหนทางที่จะแก้ไขอยู่ที่ว่าเรานั้นทำใจได้แล้วหรือยัง…

อ่านเพิ่มเติม “บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๕๐”

บันทึกไว้เพื่อความทรงจำ บทที่ ๗๑

…บันทึกไว้เพื่อความทรงจำ บทที่ ๗๑…

…ไม่เคยหวังพึ่งโชคชะตาวาสนาบารมีอยู่กับสิ่งที่มีและสิ่งที่เป็นไปได้ โดยการลงมือกระทำ เพราะตนคือที่พึ่งของตนทุกสิ่งมันต้องเริ่มต้นจากตัวของเราเององค์ประกอบภายนอกนั้นคือสิ่งที่ช่วยส่งเสริมเติมต่อในสิ่งที่เราก่อเริ่มไว้ไม่ยึดติดอยู่กับความฝันอันเป็นเพียงจินตนาการ เชื่อมั่นศรัทธาในการลงมือกระทำ…

๐ เรียงร้อย ถ้อยคำ พร่ำสอน
บทกลอน บทความ นำสู่
ให้เห็น ให้เรียน ให้ดู
ให้รู้ แนวทาง แห่งธรรม

๐ เชื่อมั่น ศรัทธา ต่อท่าน
สร้างงาน ให้เสพ เช้าค่ำ
ไม่เคย จองเวร ก่อกรรม
ที่ทำ ก็เพื่อ พวกเรา

๐ แบ่งปัน เนื้อหา สาระ
อยากจะ ส่งเสริม พวกเขา
ช่วยเหลือ แบ่งปัน บรรเทา
ให้เขา ได้รู้ ทางธรรม

อ่านเพิ่มเติม “บันทึกไว้เพื่อความทรงจำ บทที่ ๗๑”

ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๑๖

…ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๑๖…

…พระพุทธพจน์…
…เหตุ ๖ ประการเหล่านี้คือ
– การนอนตื่นสาย ๑
– การเสพภรรยาผู้อื่น ๑
– การผูกเวร ๑
– ความเป็นผู้ทำแต่สิ่งอันหาประโยชน์มิได้ ๑
– มิตรชั่ว ๑
– ความเป็นผู้ตระหนี่เหนียวแน่น ๑
ย่อมกำจัดบุรุษเสียจากประโยชน์ที่จะพึงได้พึงถึง…
…(ที.ปาฏิ.๑๘๕ )…

๐ ใคร่ครวญ ทบทวนธรรม
เตือนความจำ ไว้ในจิต
แยกแยะ ความถูกผิด
ระลึกรู้ อยู่แก่ใจ

๐ สติ ระลึกรู้
เฝ้าตามดู อยู่ภายใน
รู้เห็น ความเป็นไป
การเกิดดับ ของอารมณ์

๐ ผัสสะ สิ่งกระทบ
ที่ค้นพบ ประสานสม
เผลอใจ ไปชื่นชม
จิตปรุงแต่ง และคล้อยตาม

๐ ก่อเกิด เป็นปัญหา
เพราะนำพา ให้เสื่อมทราม
เล่ห์กล แห่งบ่วงกาม
โลกธรรม นั้นนำพา

๐ เผลอใจ เพียงน้อยนิด
เพราะลืมพิจารณา
ขาดซึ่ง ตัวปัญญา
เพราะตามรู้ ดูไม่ทัน

๐ สติ ระลึกได้
จึงแก้ไข โดยฉับพลัน
มาดู ใจเรานั้น
ให้รู้ตัว และทั่วพร้อม

๐ เอาใจ ไว้กับธรรม
กุศลนำ ให้นึกน้อม
ข่มใจ ให้ยินยอม
การปรุงแต่ง ก็ดับลง

๐ เกิดดับ สลับกัน
ถ้าเรานั้น ไม่ไปหลง
สติ ที่มั่นคง
ทำให้รู้ อยู่กับธรรม…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๕…

ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๕

…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๕…

…ไม่มีคำว่าสายสำหรับการเริ่มต้นมันอยู่ที่ทุกคนจะคิดและทำหรือไม่อย่าได้น้อยใจและโทษวาสนาบารมีต่อว่าตัวเรานั้นว่าไม่ดีไม่มีอำนาจวาสนาเพราะว่าการทำอย่างนั้นเท่ากับการแช่งตัวเอง ขาดความศรัทธาเชื่อมั่นในการกระทำของตนเอง ซึ่งมันจะทำให้มีแต่ความเสื่อมถอยไม่มีความเจริญ…

อ่านเพิ่มเติม “ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๕”

บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๔๙

…บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๔๙…

…ทุกสิ่งอย่างล้วนมีเหตุและปัจจัยที่ทำให้เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไปมันเป็นเรื่องของบุพกรรมที่ทำมาทั้งที่มาจากโดยตรงและทางอ้อมเพราะเรื่องของกรรมนั้นมันเป็นสิ่งที่ผูกพัน เป็นทายาท เป็นเผ่าพันธุ์จึงส่งผลมาสู่ปัจจุบันอย่างที่เป็นอยู่เมื่อใจยอมรับและรับรู้ ในเรื่องของกรรมและวิบากแห่งกรรม เพียรสร้างกุศลกรรมขึ้นมาใหม่ ใจก็จะมีแต่ความสุข ไม่ทุกข์กับวิบากกรรมทุกสิ่งอย่าง “มันเป็นเช่นนั้นเอง”…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม…
…๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๔…