ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๘๐

…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๘๐…

…สัปปายะ ๕ อันได้แก่ อาหารที่ถูกจริต อากาศที่สบาย ที่อยู่อาศัยที่สะดวกสบายมีมิตรสหายครูบาอาจารย์ที่ดีคอยส่งเสริมช่วยเหลือ ได้ปฏิบัติที่ถูกกับจริต จิตของเราย่อมส่งผลให้การเจริญภาวนานั้นมีความเจริญก้าวหน้า…

อ่านเพิ่มเติม “ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๘๐”

ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๘๐

…ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๘๐…

…อนุวิจฺจการํ กโรหิ…
“จงใคร่ครวญเสียก่อนแล้วจึงค่อยทำ”
…พุทธสุภาษิต อุปาลีวาทสูตร ๑๓/๖๒…

…“ทำงานทุกชนิดให้จิตนั้นอยู่กับธรรม”คือพิจารณาทุกสิ่งทุกอย่างด้วยหลักธรรมมีสติระลึกรู้และความรู้ตัวทั่วพร้อมอยู่ตลอดเวลา รู้จักแยกแยะถูกผิด ชั่วดี รู้จักข่มจิตข่มใจไม่คล้อยตามกิเลสความอยากทั้งหลายที่เป็นอกุศลกรรม มีความละอายและเกรงกลัวต่อบาปคุ้มครองจิตอยู่ทุกขณะทำหน้าที่ของตนไปตามบทบาทและหน้าที่ให้เต็มกำลังความรู้ความสามารถของตนเอง

อ่านเพิ่มเติม “ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๘๐”

จากการเดินทางบนสายธรรม บทที่ ๑๕

…จากการเดินทางบนสายธรรม บทที่ ๑๕…

…การศึกษาธรรมะและประพฤติปฏิบัติธรรมนั้น เราต้องมีวิจารณญาณอย่าเชื่อทันทีที่ได้ยิน ได้ฟังมาอย่าได้ศรัทธาเพราะยึดติดในตัวบุคคล จงเอาเหตุและผลมาเป็นที่ตั้ง แห่งการคิดและพิจารณาธรรม ว่าควรจะเชื่อหรือจะปฏิเสธ ในสิ่งที่ได้อ่านได้ยินหรือได้ฟังมา

…ดั่งที่เคยกล่าวไว้ว่า “ถ้าเชื่อในทันที เรียกว่างมงาย ถ้าปฏิเสธทันที เรียกว่าเสียโอกาสขาดประโยชน์” ควรพิจารณาไตร่ตรองให้รอบครอบและทดลองปฏิบัติพิสูจน์ ฝึกฝนที่ใจตน ให้เกิดความกระจ่างชัดขึ้นด้วยใจตน ตามเหตุและผลแล้ว จึงควรเชื่อหรือปฏิเสธในสิ่งที่ได้อ่าน ได้ยิน ได้ฟังมา

อ่านเพิ่มเติม “จากการเดินทางบนสายธรรม บทที่ ๑๕”

ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๗๙

…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๗๙…

…ดั่งที่เคยกล่าวไว้ว่า วิถีโลกและวิถีธรรมนั้นต้องจะเดินคู่กันไป เพราะว่าเราทั้งหลายนั้น ต้องใช้ชีวิตร่วมกันในสังคม มิอาจจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวได้ ต้องมีการอาศัยพึ่งพาซึ่งกันและกัน มีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกันไม่มากก็น้อย ตามจังหวะ เวลาโอกาส สถานที่และตัวบุคคล เป็นเหตุและผลซึ่งกันและกัน โลกและธรรมจึงต้องเดินคู่กันไป

…แต่คนส่วนใหญ่นั้นมักจะปฏิเสธธรรมเพราะคิดว่าเป็นเพียงเรื่องของศาสนาเป็นลัทธิ เป็นเรื่องของความเชื่อความศรัทธาเฉพาะตน ทั้งที่จริงแล้วธรรมะนั้นคือธรรมชาติแห่งความเป็นจริง เป็นสิ่งใกล้ตัวที่เราพบเห็นอยู่เป็นประจำในชีวิตของเรา

อ่านเพิ่มเติม “ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๗๙”

ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๗๙

…ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๗๙…

…” จิตที่ตั้งไว้ชอบ ย่อมเป็นปัจจัยแก่การทำกัลยาณธรรม “…

” สมฺมาปณิหิตํ จิตตํ ปจฺจโย
กลฺยาณสฺส กมฺมสฺส กิริยาย “
…พุทธสุภาษิต มหาลิสูตร ๒๔/๙๐…

อ่านเพิ่มเติม “ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๗๙”

จากการเดินทางบนสายธรรม บทที่ ๑๔

…จากการเดินทางบนสายธรรม บทที่ ๑๔…

…อย่าลุอำนาจแก่ความโกรธเป็นอันขาด เพราะเมื่อความโกรธนั้นเกิดขึ้นแล้วมันจะมืดมิดปิดบังปัญญา คิดแต่จะเอาชนะเพียงอย่างเดียว ทั้งที่จริงแล้วมันกำลังแพ้ตัวเอง แพ้ความโกรธของตัวเองถ้าระงับความโกรธไม่ได้ ใจก็ไม่เป็นสุขเพราะฉะนั้นอย่าเอาความโกรธ มาเป็นอารมณ์มาเป็นตัวของตัวเป็นอันขาดพึงข่มความโกรธ ด้วยการเจริญสติการลดทิฏฐิ การให้อภัย แล้วใจของเรานั้นจะสบาย…

อ่านเพิ่มเติม “จากการเดินทางบนสายธรรม บทที่ ๑๔”

ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๗๘

…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๗๘…

…”ภิกษุจงเป็นผู้ไม่ประมาท มีสติ มีศีลอันดี จงมีความดำริตั้งมั่นตามรักษาจิตของตนเถิด”
” อปฺปมตฺตา สตีมนฺโต สุสีลา โหถ ภิกฺขโว
สุสมาหิตสงฺกปฺปา สจิตฺตมนุรกฺขถ “
…พุทธสุภาษิต มหาปรินิพพานสูตร ๑๐/๑๒๐…

…ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นมีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่แล้วดับไป เมื่อใจไม่ไปยึดติดยึดถือความห่วงหาอาลัยก็ไม่มี อยู่กับสภาวะแห่งความเป็นปัจจุบันธรรม ตามวิถีที่เป็นไปในแต่ละวัน ทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ ตามบทบาทและหน้าที่ที่เป็นอยู่ จิตตามดู ตามรู้ ตามเห็นในความเป็นไปที่แท้จริงของกายและจิต มีสติและสัมปชัญญะคุ้มครองกายและจิตอยู่ทุกขณะ คิดให้เป็นกุศลวันเวลาก็จะผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็วเพราะว่าใจเราไม่ไปยึดถือ จิตโปร่งกายเบา ไม่ซึมเซา เพราะมีอารมณ์ปีติทรงอยู่ เรียนรู้และพิจารณาทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา

อ่านเพิ่มเติม “ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๗๘”

ปรารภธรรมไปตามราวทาง

…ปรารภธรรมไปตามราวทาง…

…ทุกสิ่งทุกอย่างนั้น ล้วนมีที่มาและมีที่ไป มีเหตุและมีปัจจัยในการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไปมีการเสื่อมสลายไปตามกาลเวลามิอาจจะตั้งอยู่ได้นานตลอดไปบุคคลจึงควรทำใจให้รับกับสภาพที่จะแปรเปลี่ยนไปทั้งหลายนั้นให้ได้อย่าไปยึดติดมากเกินไปกับภาพแห่งอดีตทั้งหลายที่ได้จดจำมาเพราะกาลเวลานั้นได้ผ่านเลยไปสิ่งทั้งหลายย่อมแปรเปลี่ยนตามซึ่งเราไม่อาจห้ามไม่ให้มันเปลี่ยนแปลงไปไม่ได้ เพราะทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ย่อมเป็นไปตามกฎของพระไตรลักษณ์ คือความไม่เทียงแท้ที่นำมาให้เกิดความทุกข์ทั้งหลายเพราะไม่อาจจะเข้ายึดถือให้มันคงสภาพอยู่เช่นเดิมตลอดไปได้ทุกอย่างย่อมจะเปลี่ยนแปลงไปไม่มากไม่น้อยตามระยะเวลา

อ่านเพิ่มเติม “ปรารภธรรมไปตามราวทาง”

ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๗๘

…ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๗๘…

…ได้ลองเข้าไปท่องเที่ยวในโลกไอที พบว่ามีภาพถ่าย บทความธรรมและบทกวีที่ได้เขียนแพร่กระจายอยู่ในที่ต่าง ๆ มากมาย ซึ่งบางที่ก็มีมารยาทให้เครดิตต่อเจ้าของผลงานและเว็บฯ ที่นำมา แต่บางที่ก็ขโมยทรัพย์สินทางปัญญา ลบที่มาและใส่ชื่อตนเองลงไปซึ่งสิ่งทั้งหลายเป็นธรรมดาของมนุษย์โลกที่มีความคิดและจิตสำนึกที่แตกต่างกัน

อ่านเพิ่มเติม “ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๗๘”

จากการเดินทางบนสายธรรม บทที่ ๑๓

…จากการเดินทางบนสายธรรม บทที่ ๑๓…

…เพียงแสงเทียนที่ส่องทาง…

๐ เป็นเพียงเทียน แท่งหนึ่ง ซึ่งส่องแสง
ไม่คิดแข่ง เทียบเคียง พระอาทิตย์
แสงสว่าง เพียงรำไร อยู่น้อยนิด
แด่มวลมิตร ระหว่างทาง ที่ย่างเดิน

๐ เพราะศรัทธา เชื่อมั่น จึงฟันฝ่า
มอบให้มา จากใจ ไม่ห่างเหิน
กวีธรรม นำใจ ให้เพลิดเพลิน
ขอชวนเชิญ มาร่วมสร้าง เส้นทางธรรม

๐ หนึ่งแรงเทียน แสงนั้น อาจจะน้อย
แต่ถ้าร้อย แรงเทียน มีค่าล้ำ
มาร่วมจิต ร่วมคิด และร่วมทำ
กุศลกรรม ให้ชีวิต มีทิศทาง

๐ ความร่วมมือ ร่วมแรง และร่วมใจ
จะทำให้ โลกมี แสงสว่าง
ลบความมืด ความคิด ที่ผิดทาง
เป็นแบบอย่าง ให้เห็น เป็นของจริง…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม…
…๑ ธันวาคม ๒๕๖๔…