รำพึงธรรมก่อนทำวัตรเช้า

…รำพึงธรรมก่อนทำวัตรเช้า…

…เมื่อใจนั้นยอมรับซึ่งความจริงในสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหลายว่าเรานั้นเป็นผู้กระทำสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นผลแห่งวิบากกรรมที่เรานั้น ได้เคยกระทำมา ไม่โทษดินโทษฟ้า หาผู้รับผิดมาแทนเรา ใจนั้นก็จะเบา เพราะว่าได้วางจากการยึดถือทั้งหลาย ความทุกข์ที่มีนั้นก็จะคลายและเมื่อใจสบาย ความคิดนั้นก็จะโปร่งโล่งเบา เพราะว่าเข้าใจในปัญหาและอุปสรรคทั้งหลายที่เกิดขึ้นและเมื่อทำใจยอมรับได้ซึ่งความเป็นจริง อุปสรรคปัญหาในทุกสิ่งนั้นย่อมจะมีหนทางที่จะแก้ไขอยู่ที่ว่าเรานั้นทำใจได้แล้วหรือยัง…

อ่านเพิ่มเติม “รำพึงธรรมก่อนทำวัตรเช้า”

รำพึงธรรมและคำกวีในยามเย็น

…รำพึงธรรมและคำกวีในยามเย็น…

…ชีวิตที่เหลืออยู่ เรียนรู้จากสิ่งที่ผ่านมาเพื่อที่จะก้าวเดินไปข้างหน้า แสวงหาในสิ่งที่ดีให้แก่ชีวิต ไม่ให้พลาดผิดอย่างที่เคยผ่านมา เพราะว่าเราได้เรียนรู้และมีบทเรียนมาแล้ว ตราบใดที่ยังมีลมหายใจการเดินทางของชีวิตจิตวิญญาณนั้นยังไม่สิ้นสุด…

อ่านเพิ่มเติม “รำพึงธรรมและคำกวีในยามเย็น”

บันทึกไว้เพื่อความทรงจำ บทที่ ๑๓

…บันทึกไว้เพื่อความทรงจำ บทที่ ๑๓…

…การยึดถือนำมาซึ่งความทุกข์…

๐ เมื่อใจทุกข์ จงมอง ประคองจิต
ดูความคิด ดูจิต ที่เศร้าหมอง
จงพินิจ ใคร่ครวญ และตริตรอง
และเฝ้ามอง ให้เห็น ความเป็นจริง

๐ สรรพสิ่ง ล้วนตั้ง อยู่ในหลัก
พระไตรลักษณ์ คือหลัก สรรพสิ่ง
พระไตรลักษณ์ คือหลัก แห่งความจริง
สรรพสิ่ง ไม่เที่ยงแท้ และแน่นอน

๐ มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับ
เปลี่ยนสลับ กันไป เป็นคำสอน
อนิจจัง ไม่เที่ยงแท้ และแน่นอน
ทุกข์เร้าร้อน เพราะใจ ไปยึดมัน

๐ ไม่ยอมลด ยอมละ ซึ่งความอยาก
ต้องการมาก ยึดติด ไม่แปรผัน
ไม่อยากสูญ ไม่อยากเสีย อยากได้มัน
ทุกสิ่งนั้น ล้วนเป็น อนัตตา

๐ นี่เป็นกฎ ธรรมชาติ พระไตรลักษณ์
นี่คือหลัก ของพุทธะ ศาสนา
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ใช้ปัญญา มองให้เห็น ความเป็นจริง

๐ เข้าใจโลก ก็เห็นธรรม เมื่อนำคิด
ทำให้จิต นั้นสงบ และหยุดนิ่ง
เพราะได้รู้ ได้เห็น ความเป็นจริง
สรรพสิ่ง มันเป็น เช่นนั้นเอง…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๕ สิงหาคม ๒๕๖๔…

ณ วัดลาดเค้า โนนเหล็ก อุทัยธานี

…ณ วัดลาดเค้า โนนเหล็ก อุทัยธานี…

…ได้บอกกับหมู่คณะเพื่อนสหธรรมิกก่อนแล้วว่า เราอยู่กันอย่างเรียบง่ายไม่มีเอกลาภใด ๆ อาศัยการบิณฑบาตซึ่งได้เพียงอาหารเท่านั้น ของกินของใช้เครื่องดื่มทั้งหลายมีให้ที่ส่วนกลาง อยู่กันอย่างแบบพอเพียงและเพียงพออยู่ร่วมกันแบบพี่น้อง ปกครองกันด้วยธรรมและวินัย “ร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจกันทำกิจวัตรของสงฆ์ เพื่อธรรมวินัย” มีปัญหาอะไรก็มาพูดคุยแลกเปลี่ยนชี้แนะแก้ไขกัน

…ในเรื่องการปฏิบัติเมื่อทุกรูปรู้บทบาทและหน้าที่ของตนเองแล้ว การอยู่ร่วมกันก็ไม่มีปัญหาเพราะได้กล่าวกับหมู่คณะอยู่เสมอว่าการใช้ชีวิตรวมหมู่นั้น เราต้อง “แสวงหาจุดร่วม สงวนจุดต่าง” อะไรที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งกัน ไม่นำมากล่าวเป็นหัวข้อสนทนา และอะไรที่ไปกันได้มีความเห็นที่คล้ายกัน นำสิ่งนั้นมาเป็นหัวข้อสนทนา ปัญหาก็จะไม่เกิดขึ้น…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม…
…๑๘ เมษายน ๒๕๖๔…

ระลึกถึงธรรมเพื่อย้ำเตือนตน

…ระลึกถึงธรรมเพื่อย้ำเตือนตน…

… สำหรับความตายนั้น มันเป็นสิ่งที่เที่ยงแท้แน่นอน ที่ทุกคนเกิดมาแล้วย่อมมีชีวิตที่ดับสูญ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวันและเวลา มนุษย์ไม่ควรอาลัยอาวรณ์ในเรื่องของความตาย แต่สิ่งที่ควรคำนึงถึงก็คือ คุณงามความดีในชีวิตหนึ่งที่เกิดมาเราทำคุณงามความดีอะไรไว้บ้าง เมื่อตายไปเรามีอะไรติดตัวไปบ้าง การที่มนุษย์ฆ่าฟันกันก็เนื่องจากความโลภโมโทสันเป็นเหตุ ชีวิตนั้น ๆ จึงสั้นลงไม่ได้ทำคุณงามความดีหรือทำก็แต่น้อยเมื่อตายไปไม่มีอะไรที่เป็นความดีเด่นชัดไว้ให้ลูกหลาน จึงขอให้พึงระลึกว่าในเมื่อสังขารไม่เที่ยงแล้วสิ่งที่เที่ยงแท้แน่นอนคือ ความดี…

อ่านเพิ่มเติม “ระลึกถึงธรรมเพื่อย้ำเตือนตน”

ระลึกถึงพระพี่ชายร่วมสายโลหิต

…ระลึกถึงพระพี่ชายร่วมสายโลหิต พระอาจารย์พระปลัดโยธิน โยธิโก ที่ได้ร่วมกันบุกเบิกสร้างสำนักสงฆ์ถ้ำเบื้องแบบมาด้วยกัน บุญของท่านมากจึงจากลาทำกาละไปก่อนในวัยเพียง ๔๑ ปี พรรษาที่ ๑๖ ส่วนตัวเรานั้นกรรมมาก เลยต้องอยู่ใช้วิบากกันต่อไป…

…คำสอนของหลวงพี่ที่ยังจำขึ้นใจ… “พระเราถ้าเบื่อทำวัตรสวดมนต์วัดไม่กวาด บาตรไม่บิณฑ์ มันก็ออกห่างจากความเป็นพระ เป็นเพียงคนอาศัยผ้าเหลืองเท่านั้น”…

…พระปลัดโยธิน โยธิโก สำนักสงฆ์ถ้ำเบื้องแบบ ต.บ้านทำเนียบ อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี…

…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๒ มิถุนายน ๒๕๖๕…

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๙๒

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๙๒…

…สติและสัมปชัญญะนั้นต้องมีควบคู่กันในการเจริญสติภาวนา เพื่อให้ไม่หลงอารมณ์กัมมัฏฐาน ไม่หลงกับสภาวธรรมที่เกิดขึ้น การเจริญสมถะสมาธินั้นอาจจะทำให้หลงอารมณ์ได้ง่าย เพราะว่าเน้นไปที่กำลังของสติแต่เพียงอย่างเดียวคือ ดู รู้ เห็น แต่เฉพาะที่กำลังเพ่งดูอยู่ไม่รับรู้ในปัจจุบันธรรม

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๙๒”

รำพึงธรรมตามรายทาง บทที่ ๙๒

…รำพึงธรรมตามรายทาง บทที่ ๙๒…

…เมื่อเราอยากจะให้สิ่งที่ดี ๆ นั้นเกิดขึ้นแก่ตัวเรา เราก็ควรที่จะต้องทำตัวเรานั้นให้ดีเสียก่อน เพื่อที่จะดึงดูดและรองรับสิ่งที่ดี ๆ ที่จะเข้ามา เรียกว่าการปรับเครื่องรับนั้น ให้มันดีและมีคุณภาพเพื่อจะรับคลื่นแห่งความดีที่มาสู่เครื่องรับอันคือตัวเรา ทำความสะอาดปัดกวาดจิตของเรา ให้เป็นระบบและมีระเบียบ มีที่ว่างสำหรับการรองรับสิ่งที่ดีที่จะเข้ามา

…ทุกอย่างนั้นเริ่มต้นที่จิต จากสิ่งที่คิดแล้วจึงจะนำไปสู่การกระทำ โดยการมีสติและสัมปชัญญะคอบคุมความคิดทั้งหลายให้อยู่ในกรอบของคุณธรรมในหลักการคิด จึงจำเป็นต้องฝึกจิตเจริญสติภาวนา เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ดีทั้งหลาย ดำรงทรงไว้อยู่ในกาย ในจิตของตัวเรา ทุกอย่างจึงต้องเริ่มที่จิตของเรานั้นเอง

อ่านเพิ่มเติม “รำพึงธรรมตามรายทาง บทที่ ๙๒”

ปรารภธรรมในยามเย็นที่ขนำน้อย

…ปรารภธรรมในยามเย็นที่ขนำน้อย…

…“ภายนอกเคลื่อนไหว ภายในสงบนิ่ง” คำว่าสงบนิ่งนั้นหมายถึงการไม่หวั่นไหวไปตามกระแสโลกทั้งหลาย ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งที่ประสพพบเห็น วางใจให้เป็นกลางมองทุกอย่างด้วยเหตุและผล ซึ่งอยู่บนหลักแห่งธรรม นำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ อย่างที่ครูบาอาจารย์หลวงพ่อพุทธทาสท่านได้กล่าวสอนไว้ว่า “ให้ทำงานทุกชนิดด้วยจิตว่าง” คือว่างจากกิเลส ตัณหาและอัตตา พิจารณาทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นธรรมะ สอดคล้องกันทั้งในทางโลกและทางธรรม นำมาปฏิบัติใช้ได้จริงกับชีวิตประจำวัน ใช้ได้กับทุกเรื่องราวอยู่บนพื้นฐานของความพอดีและพอเพียงไม่เป็นภัยต่อชีวิต ไม่เป็นพิษกับผู้อื่น ไม่ฝ่าฝืนศีลธรรมประเพณีอันดีงาม เป็นไปโดยชอบและประกอบด้วยกุศล นั้นคือแนวทางของการปฏิบัติธรรมที่นำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวัน ที่ต้องมีความสัมพันธ์ ต้องพบปะกับผู้คนมากมาย ต่างจิตต่างใจต่างปัญหาซึ่งไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ จึงต้องฝึกทำใจให้อยู่เหนือปัญหา ฝึกจิตนั้นให้ว่างจากกิเลสตัณหาและอัตตา ฝึกพิจารณาปรับเข้าหาหลักธรรมทั้งหลาย เอให้ชีวิตนั้นก้าวเดินไปพร้อมกันได้ ทั้งทางโลกและทางธรรม…

อ่านเพิ่มเติม “ปรารภธรรมในยามเย็นที่ขนำน้อย”

บันทึกไว้เพื่อความทรงจำ บทที่ ๑๒

…บันทึกไว้เพื่อความทรงจำ บทที่ ๑๒…

…เวรกรรมมีจริง ไม่ต้องรอชาติหน้าเห็นผลได้ในชาตินี้ เราทำกรรมอะไรไว้มันจะส่งผลให้ไม่ช้าก็เร็ว ทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว ซึ่งเราต้องเตรียมตัวเตรียมใจอย่าหวั่นไหวและตื่นตกใจ อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด ให้มันเป็นไปตามกรรมที่เราได้ทำมา

…ความวุ่นวายเราไม่ต้องออกไปแสวงหาเดี๋ยวมันก็จะมาหาเราเอง ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน เราไปถึงไหนมันก็จะตามเราไปถึงนั่น หน้าที่ของเรานั้นก็คือการเตรียมตัวเตรียมกายเตรียมใจ รับกับปัญหาที่มันจะมาทุกขณะ ทุกเวลา โดยการยึดหลักธรรมะเป็นเครื่องอยู่…

…ทุกชีวิต ไปตามลิขิตแห่งกรรม…

…ทุกชีวิต ต้องเป็นไป ตามบทบาท
ตามเชื้อชาติ ท้องถิ่น และภาษา
ไปตามบท กฎแห่งกรรม ที่ทำมา
ไปข้างหน้า ตามเวลา ที่หมุนไป

…มวลมนุษย์ มีกรรม ตัวกำหนด
ไปตามกฎ แห่งกรรม ที่ทำไว้
อดีตกรรม น้อมนำ ให้เป็นไป
และกรรมใหม่ เป็นปัจจัย ให้ได้เจอ

อ่านเพิ่มเติม “บันทึกไว้เพื่อความทรงจำ บทที่ ๑๒”